
กระทรวงเกษตรฯ..เดินหน้าเจรจา เพื่อผลักดัน “ม้าน้ำตากแห้ง” กลับเข้าสู่ตลาดจีน อีกครั้งหลังกรมประมงเพิ่มศักยภาพการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ หนุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรไทย เผยเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสรรพคุณทางยาที่สามารถบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำทัพกรมประมงเจรจาผลักดันม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจีนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิตม้าน้ำไปสู่เชิงพาณิชย์ เล็งขยายโอกาสการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเกษตรกรไทย ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ฐิติพร หลาวประเสริฐ
นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชไทย-จีน ว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างไทยและจีน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคเพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและประมงระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน สำหรับในส่วนของกรมประมงได้หยิบยกประเด็นการบรรจุรายการม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน
เนื่องจากในอดีตมีการประเมินว่าการส่งออกม้าน้ำกระทบต่อการใกล้สูญพันธุ์ กรมประมงจึงออกประกาศ เรื่อง การงดออกใบอนุญาตส่งออกม้าน้ำเป็นการชั่วคราว นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีความต้องการส่งออกม้าน้ำตากแห้งไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีศักยภาพในการผลิตม้าน้ำที่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งกรมประมงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์เพื่อลดปริมาณการจับจากธรรมชาติ รวมจำนวนถึง 20 ราย และได้นำความรู้ไปขยายผลสู่การประกอบอาชีพแล้ว 5 ราย

ปัจจุบันมีฟาร์มเพาะเลี้ยงม้าน้ำที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกรมประมง ว่าด้วยหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนสถานเพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่เป็นสัตว์น้ำตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) พ.ศ. 2568 จำนวน 1 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขอการรับรองเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าประมงมูลค่าสูงกลับเข้าสู่ตลาดจีนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับ “ม้าน้ำ” จัดเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสรรพคุณทางยาที่สามารถบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ อีกทั้ง ม้าน้ำตากแห้งที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในยาแผนโบราณมีราคาจำหน่ายสูง ทำให้มีการจับจากธรรมชาติมากขึ้น ม้าน้ำจึงถูกจัดเป็นสัตว์น้ำในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II) ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ที่อนุญาตให้ทำการค้าได้และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมหรือจำกัดปริมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรม้าน้ำในธรรมชาติลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนมีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ โดยประเทศผู้ส่งออกต้องมีมาตรการควบคุมและใบอนุญาตทางการค้าที่ชัดเจนและตรวจสอบย้อนกลับได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมประมงได้จัดตั้งคณะทำงานจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธุ์ของม้าน้ำ สำหรับการอนุญาตการส่งออกที่ไม่กระทบต่อการใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ (Non-Detriment Findings: NDFs) ในการรวบรวมและจัดทำข้อมูลสถานภาพประชากรม้าน้ำในธรรมชาติของประเทศไทย ประเมินผล วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อจัดส่งไปยัง CITES
อธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า หาก GACC ได้เห็นชอบให้บรรจุม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดตลาดสินค้าประมงมูลค่าสูงให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ซึ่งคาดการณ์ว่าในอนาคตการผลิตม้าน้ำจากการเพาะเลี้ยงภายในประเทศไทยจะสร้างรายได้จำนวนมาก สอดคล้องกับนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งสร้างรายได้ สร้างการขยายตลาด และสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทย โดยกรมประมงพร้อมสนับสนุนความร่วมมือในด้านการประมงระหว่างไทย–จีน เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
