แฉเครือข่ายโรงงานแป้งมัน “รุกป่าซ้ำซาก” กมธ.สวล.วุฒิสภา สุดทนไล่บี้คดีดงอีจานใหญ่ ชี้คดีล่าช้า-ฟื้นฟู 26 ล้านไม่คืบ

ชีวะภาพ ชีวะธรรม 

ประธาน กมธ.สิ่งแวดล้อมฯวุฒิสภา เดินหน้าชนนายทุน นักการเมืองใหญ่ แฉ เครือข่ายโรงงานแป้งมัน รุกป่าดงอีจานใหญ่ซ้ำซาก พบคดีล่าช้า-ผู้ต้องหาคนเดิม แม้คำพิพากษาให้ฟื้นฟู 26 ล้าน แต่พบว่าพื้นที่ยังใช้ประโยชน์อยู่

​วันที่ 26 ส.ค. 68 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อสางปมร้อนกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงอีจานใหญ่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา โดยเรียกหน่วยงานสำคัญเข้าชี้แจง ได้แก่ นายกิตติศักดิ์ ธีนะวัฒนา รองผู้ว่าการจังหวัดนครราชสีมา , นายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการสำนักงาน ส.ป.ก. , ผู้แทนจากอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, กรมป่าไม้, กรมพัฒนาที่ดิน, และผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ทั้งนี้​การตรวจสอบครั้งนี้ถือเป็นการใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่คณะกรรมาธิการฯ ได้รับทราบคือ “การบังคับใช้กฎหมายที่ล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ” โดยเฉพาะในส่วนของการฟื้นฟูพื้นที่ที่เสียหาย


​นายชีวะภาพ กล่าวว่า ส.ป.ก. ได้ฟ้องร้องบริษัทแป้งมันแห่งหนึ่งและบุคคลที่เกี่ยวข้องในข้อหาบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. ที่ทับซ้อนป่าสงวนฯ และในคำพิพากษาของศาลได้สั่งให้จำเลยฟื้นฟูพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสีย 8 บ่อ โดยให้นำดินมาถมให้เสร็จภายใน 6 เดือน หากไม่ดำเนินการต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 26 ล้านบาท

แต่กลับพบว่าบริษัทได้ฟื้นฟูบ่อเพียง 1 บ่อ ส่วนอีก 7 บ่อยังไม่มีการดำเนินการ โดยอ้างว่ามีโครงการของวิสาหกิจชุมชนมาร้องขอใช้พื้นที่ ซึ่งทำให้คณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้รัฐเสียหาย เนื่องจากไม่มีการฟื้นฟูพื้นที่หรือชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาของศาล และจากการตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดก็ยังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงถูกใช้ประโยชน์อยู่

​”สิ่งที่น่าจับตาคือ ผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นบุคคลเดียวกับผู้ที่พัวพันในคดีบุกรุกป่าที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการกระทำที่อาจเป็นขบวนการ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ ในฐานะตัวแทนของประชาชนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ผมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของความถูกต้องและผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งจะติดตามการแก้ไขปัญหาของทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะสำเร็จเป็นรูปธรรม” นายชีวะภาพกล่าว

​ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ดินของโรงงานแห่งนี้มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 ก. และ นส.3 ที่น่าจะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะพื้นที่ดังกล่าวประกาศเป็นป่าไม้ถาวรตั้งแต่ปี 2506 จึงเสนอให้กรมป่าไม้กับ DSI ไปประสานงานกับ ส.ป.ก. เพื่อตรวจสอบการถือครองและใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายต่อไป.