ชี้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยค่าเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มอาเซียนเพราะปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อย-ไม่เหมาะสมถึง 86%

สศก. เปิดเวที เชิญทุกภาคส่วน ร่วมรับฟังกระบวนการจัดทำข้อมูลการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สร้างความเชื่อมั่น เพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรไทย ผลสาเหตุที่ไทยผลิตข้าวได้ผลผลิตน้อยเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 757 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียนที่ 851 กิโลกรัมต่อไร่ และค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 954 กิโลกรัมต่อไร่ เกิดจากข้อจำกัดพื้นที่เพาะปลูกกว่า 86% อยู่ในเขตที่มีความเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสมเลย ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่ำ ขณะที่ศักยภาพสูงสุดของพันธุ์ที่ได้จากแปลงทดลองอยู่ที่ 1,500 – 2,000 กิโลกรัมต่อไร่

วันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมชี้แจงการได้มาของข้อมูลการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยมีผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมต่างๆ ทั้งสมาคมการค้าพืชไร่ ไก่เนื้อ ไก่ไทย สุกร ผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เมล็ดพันธุ์ไทย ผู้แทนเกษตรกรปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ หน่วยงานราชการ ทั้งจากกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กรมศุลกากร และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ห้องประชุม AEOC ชั้น 2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำข้อมูลการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ สศก. ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวางนโยบายภาครัฐและการตัดสินใจของภาคเอกชน โดย สศก. ได้นำเสนอถึงกระบวนการดำเนินงานที่ตั้งอยู่บนหลักวิชาการสถิติและวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งแต่การลงพื้นที่สำรวจด้วยวิธีมาตรฐานสากลอย่างการตั้งแปลงเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไร่ (Crop Cutting) ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม โดยข้อมูลพยากรณ์จะถูกจัดทำตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาค และนำมาสู่ระดับประเทศ มีการถ่วงน้ำหนักตามหลักวิชาการเพื่อให้ได้ค่า ที่แม่นยำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการกลั่นกรองข้อมูลผ่านคณะกรรมการหลายระดับชั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นเอกภาพ

สำหรับประเด็นด้านผลผลิตต่อไร่นั้น สศก. ได้ชี้แจงว่า ตัวเลขพยากรณ์ผลผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 757 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นข้อมูลที่สะท้อนสถานการณ์การผลิตจริงของเกษตรกรส่วนใหญ่ ซึ่งมีข้อจำกัดสำคัญคือพื้นที่เพาะปลูกกว่า 86% ในแหล่งผลิตสำคัญอยู่ในเขตที่มีความเหมาะสมน้อยและไม่เหมาะสม ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยแตกต่างจากศักยภาพสูงสุดของพันธุ์ที่ได้จากแปลงทดลอง (1,500 – 2,000 กิโลกรัมต่อไร่) ดังนั้น ตัวเลขของ สศก. จึงเป็นค่าเฉลี่ยที่มีความแม่นยำและสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับบริบทการผลิตของไทย ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียนที่ 851 กิโลกรัมต่อไร่ และค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ 954 กิโลกรัมต่อไร่

นายณรงเดช อุฬารกุล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวขอบคุณ สศก. ที่เปิดเวทีชี้แจงในวันนี้ โดยสะท้อนว่าคณะกรรมาธิการฯ ได้รับข้อร้องเรียนและมีความกังวลต่อการคำวณปริมาณผลผลิต เนื่องจากข้อมูลของ สศก. เป็นฐานข้อมูลหลักที่รัฐบาลใช้กำหนดนโยบาย จึงต้องการความชัดเจนว่าตัวเลขที่ใช้นั้นเป็นข้อมูลจากการสำรวจจริงหรือการพยากรณ์ เพื่อให้การกำหนดนโยบายของภาครัฐตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด และการที่ สศก. ได้ชี้แจงกระบวนการทำงานตามหลักวิชาการในวันนี้ ทำให้ที่ประชุมเกิดความเข้าใจในทุกข้อสงสัยมากขึ้น และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน พร้อมทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การขับเคลื่อนของคณะกรรมาธิการฯ ในเรื่องนี้จะนำไปสู่การสร้างความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตรอื่นๆ ด้วย เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ร่วมกัน

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนาภรณ์ อธิปัญญากุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ความเห็นเชิงวิชาการพร้อมชื่นชมการทำงานของ สศก. ว่า การใช้ข้อมูลพยากรณ์ย้อนหลังจำนวนมากไม่ถือว่าเป็นข้อมูลเก่า แต่กลับเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบบจำลองทางสถิติมีความแม่นยำสูง เพราะสามารถวิเคราะห์ครอบคลุมถึงปัจจัยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในอดีตได้ครบถ้วน ซึ่งเป็นหลักการสากลเช่นเดียวกับที่บริษัทประกันภัยพืชผลใช้ในการประเมินความเสี่ยง

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้เสนอแนะในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งในประเด็นข้อกังวลด้านการนำเข้า ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าภาครัฐ มีกลไกการบริหารจัดการที่ชัดเจนผ่านคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ ทั้งนี้ เลขาธิการ สศก. ได้รับข้อเสนอทั้งหมดเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนเกษตรกรที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในครั้งต่อไป เพื่อสร้างการเรียนรู้และการยอมรับในข้อมูลร่วมกัน

“สศก. ขอขอบคุณท่านประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ ที่ริเริ่มให้มีการประชุมวันนี้ขึ้น และขอบคุณผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เสียงสะท้อนจากทุกท่านคือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ สศก. สามารถพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เราขอยืนยันในความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานทุกภารกิจด้วยความโปร่งใส เป็นกลาง ยึดมั่นในหลักวิชาการ และพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพการพยากรณ์ให้มีความแม่นยำ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรและภาคเกษตรกรรมของไทย” เลขาธิการ สศก. กล่าว