เอาแล้ว!! สว.อดีตฉายามือปราบพยัคฆ์ “ชีวะภาพ ชีวะธรรม” ประธาน กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯวุฒิสภา เดินหน้าชนนายทุนเจ้าของโรงงานแป้งมันรายใหญ่ในภาคอีสาน ที่เป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรี แฉไม่เฉพาะบุกรุกที่ทะเลเลี้ยงสัตว์“หาดสวนยา” ที่อุบลฯ แต่ยังพบมีการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในเขต สปก ซ้อนทับเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงอีจานใหญ่ ในอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมาด้วยหลายร้อยไร่ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการใดๆ ยืนยันต้องทำให้สังคมรับรู้รับทราบข้อเท็จจริงให้ได้
วันที่ 19 สิงหาคม 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมพิจารณาตรวจสอบคดีการบุกรุกที่ดินเขตป่าไม้ สาธารณะประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของภาคอีสาน และมีชื่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหนึ่ง ในรัฐบาลชุดปัจจุบันและมีชื่อตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว โดยเชิญผู้แทนจากกรมป่าไม้ , กรมที่ดิน , และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเข้าชี้แจง
นายชีวะภาพ กล่าวว่า จากข้อมูลตรวจสอบพบยังมีคดีค้างเก่าในพื้นที่ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นคดีลักษณะเดียวกันเป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในเขต สปก ,ซ้อนทับเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงอีจานใหญ่ ในเขตอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา พื้นที่หลายร้อยไร่,เป็นคดีที่มีการไกล่เกลี่ยกับภาครัฐ
ทั้งนี้ตรวจสอบพบเบื้องต้นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะยังไม่ได้ดำเนินการ บังคับใช้กฎหมายให้ครบถ้วนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพบผู้ต้องหาในคดีเป็นบุคคลเดียวกันกับคดี บุกรุกที่ทะเลเลี้ยงสัตว์“หาดสวนยา”อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นข่าวว่ามีการดำเนินการโดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความล่าช้าใกล้หมดอายุความในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม กมธ.ต้องศึกษาข้อมูลโดยละเอียด ยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น หรือเครื่องมือทางการเมือง ว่ากันไปตามถูกผิด ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ระเบียบกฎหมาย ซึ่งโรงงานแป้งมันดังกล่าวมี 3 กลุ่มใหญ่ ที่บุกรุกพื้นที่ป่า โดยเฉพาะใน อ.เสิงสาง มีการบุกรุกทำบ่อบำบัดจำนวน 18 บ่อเนื้อที่หลายร้อยไร่ โดยเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าสงวนแห่งชาติป่าดงอีจานใหญ่ และเขตสปก. โดยหากยังไม่มีการออกเป็น สปก.4-01 ก็ยังถือว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ อยู่
นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า เท่าที่ทราบที่ผ่านมาทาง ส.ป.ก.ได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับโรงงานที่ว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแจ้งดำเนินคดีบุกรุกป่าสงวนฯ ด้วย แต่เท่าที่ทราบมีการไกล่เกลี่ยในชั้นศาลต้องจ่ายเงินชดเชยฟื้นฟูพื้นที่ 20 กว่าล้านบาท ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญได้แปลภาพถ่ายทางอากาศพบว่ายังมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อยู่และยังไม่ได้มีการฟื้นฟูแต่อย่างใด ที่สำคัญจุดอื่นบริเวณนอกโรงงานเราตรวจสอบพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่ทับซ้อนกับเขต ส.ป.ก. จึงต้องดำเนินการทั้งหมด
ส่วนในพื้นที่ จ.อุบลฯ ก็ต้องตรวจสอบต่อไป และได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่าได้ดำเนินการอย่างไรแล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญ ส.ป.ก.มาชี้แจงความคืบหน้าการบังคับคดี รวมทั้งกรมป่าไม้ ในส่วนการมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก.ไปจัดสรรให้ประชาชน แต่การนำไปก่อสร้างโรงงานมันสำปะหลัง ถือว่าขัดต่อกฎหมายและมีการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแล้วหรือไม่
“ที่สำคัญคือผู้ต้องหา 2 คดีเป็นบุคคลเดียวกัน และวันนี้ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการในรัฐบาลชุดนี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำให้สังคมรับรู้รับทราบข้อเท็จจริงให้ได้” นายชีวะภาพ กล่าว.