กมธ.ทรัพย์ฯ วุฒิสภา ทึ่ง…การเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง เผยคนไทยอาจใช้น้ำมันราคาถูกลง

                                                               ชีวะภาพ ชีวะธรรม (ซ้ายสุด)

ประธาน กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ลุยกาญจนบุรี ทึ่ง…โครงการเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยกระบวนการไพโรไลซิสที่ได้น้ำมันดิบคุณภาพสูง มีปริมาณซัลเฟอร์ต่ำมาก สามารถแยกเกรดได้ทั้งบนซิน น้ำมันก๊าด ดีเซล โดยขยะพลาสติก 1 ตัน จะได้น้ำมัน 800 ลิตร  เผยมีประโยชน์ในด้านลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และช่วยให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกลงจากการนำขยะมาแลกเปลี่ยน

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วยคณะทำงานคนสำคัญ ได้แก่ นายกิติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง, นายสัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา โฆษกคณะกรรมาธิการ, นายกัมพล ทองชิว ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ, นายสมชาย นุ่มพูล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ, นายบุญเชิด ลีลาคุณากร อนุกรรมาธิการด้านทรัพยากรทางบก, นายฐิติพันธ์ จูจันทร์โชติ อนุกรรมาธิการการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ มลพิษ และสิ่งแวดล้อม และนายธีรวิทย์ โชติ อนุกรรมาธิการการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ มลพิษ และสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ไปยังมูลนิธิสถาบันพัฒนาพลังงานทดแทนแห่งเอเชียแปซิฟิก ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568  ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เพื่อติดตามประเด็นการเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยกระบวนการไพโรไลซิส โดยมีนายยุทธการ มากพันธ์ ประธานมูลนิธิฯ เป็นผู้นำชมการนำขยะพลาสติกเกือบทุกประเภทเข้าเตาอบที่คิดค้นขึ้นเอง โดยใช้ความร้อนไม่เกิน 400 องศาเซลเซียส เมื่ออบเสร็จจะได้น้ำมันดิบคุณภาพสูง.แต่มีปริมาณซัลเฟอร์ต่ำมาก จากนั้นจึงนำไปเข้าเครื่องแยกเกรดน้ำมันชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล โดยขยะพลาสติก 1 ตัน จะได้น้ำมันประมาณ 800 ลิตร

นายชีวะภาพ  กล่าวว่า ภาครัฐและภาคเอกชนกำลังรณรงค์ลดการใช้และกำจัดขยะพลาสติก โดยเฉพาะกล่องโฟมและถุงพลาสติก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน ดังนั้นโครงการนี้จึงมีประโยชน์ในด้านลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลการนำขยะที่ไม่มีประโยชน์กลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ และที่สำคัญคือช่วยให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกลงจากการนำขยะมาแลกเปลี่ยน ซึ่งสามารถนำไปเติมยานพาหนะหรือเครื่องมือทางการเกษตรได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะโลกร้อน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติในการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเพียงแห่งเดียว คณะกรรมาธิการมีเป้าหมายที่จะขยายผลโดยสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน นำเครื่องมือที่ออกแบบโดยมูลนิธิไปใช้ในการหาและบีบอัดขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ก่อนส่งกลับมากลั่นที่ศูนย์กลาง ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้ประชาชนในเครือข่าย ทั้งการได้ใช้น้ำมันราคาถูกและมีคุณภาพสูง รวมถึงการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน.