สทนช.ประกาศ “เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง” ช่วง 20 – 24 ก.ค. นี้

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2568 เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง” ทั่วทุภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานจะกระทบมากที่สุดระหว่างช่วง 20 – 24 กรกฎาคม 2568  นี้

                                ประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2568

เรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทันและระดับน้ำโขงเปลี่ยนแปลง  ในช่วงวันที่ 20 – 24 กรกฎาคม 2568 ดังนี้

  1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้

1.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย แม่จัน แม่ฟ้าหลวง พญาเม็งราย เวียงชัย เทิง ป่าแดด ขุนตาล เชียงของ เวียงแก่น เวียงเชียงรุ้ง ดอยหลวง และเชียงแสน),จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ปาย และสบเมย),จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอเชียงดาว แม่แตง แม่ริม แม่แจ่ม แม่อาย พร้าว จอมทอง และอมก๋อย),จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน และบ้านโฮ่ง),จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม และเมืองปาน),จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ดอกคำใต้ ปง เชียงคำ ภูซาง และเชียงม่วน),จังหวัดแพร่ (อำเภอสอง ร้องกวาง และวังชิ้น),จังหวัดน่าน (อำเภอเมืองน่าน บ่อเกลือ ปัว ทุ่งช้าง ภูเพียง สองแคว เฉลิมพระเกียรติ เชียงกลาง สันติสุข แม่จริม ท่าวังผา และเวียงสา),จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง),จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอฟากท่า ท่าปลา และน้ำปาด),จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอนครไทย และวังทอง)

1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย ท่าลี่ นาด้วง ด่านซ้าย นาแห้ว และปากชม),จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย โพนพิสัย และรัตนวาปี),จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ เซกา บึงโขงหลง บุ่งคล้า และปากคาด),จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี วังสามหมอ เพ็ญ สร้างคอม บ้านดุง และหนองหาน),จังหวัดสกลนคร (อำเภออากาศอำนวย พรรณานิคม บ้านม่วง และสว่างแดนดิน),จังหวัดนครพนม (อำเภอศรีสงคราม วังยาง ท่าอุเทน บ้านแพง และนาทม),จังหวัดยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร และมหาชนะชัย), จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอโขงเจียม นาตาล สิรินธร พิบูลมังสาหาร เขื่องใน และศรีเมืองใหม่)

1.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา),จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา),จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง ท่าใหม่ โป่งน้ำร้อน แก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏ นายายอาม มะขาม และแหลมสิงห์),จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ และบ่อไร่)

1.4 ภาคตะวันตก บริเวณ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอสังขละบุรี และทองผาภูมิ)

1.5 ภาคใต้ บริเวณ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และกระบุรี),จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง),จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง),จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี บ้านตาขุน พระแสง และบ้านนาสาร)

2.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ80 ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดตาก ลำปาง ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองคาย สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา หนองหาร จังหวัดสกลนคร ให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด

3.เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ  จังหวัดเชียงราย แม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่น้ำปิง บริเวณอำเภอเชียงดาว แม่แตง แม่ริม และสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ แม่น้ำยม บริเวณอำเภอสอง จังหวัดแพร่ แม่น้ำน่าน บริเวณอำเภอเมืองน่าน ท่าวังผา ภูเพียง และเวียงสา จังหวัดน่าน ห้วยหลวง บริเวณอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ลำน้ำก่ำ บริเวณอำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ลำน้ำยัง บริเวณอำเภอเสลภูมิ และโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร และลำเซบาย บริเวณอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

4.เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตรา490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 500 – 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

5.เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ส่งผลให้ระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้ 1.ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า90 มิลลิเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน

2.ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น – ลงของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

3.เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที

4.ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

                                                  ประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2568