กล้วยไม้ นุชนิยม
ซินเจนทา โชว์วิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำนวัตกรรมการเกษตร บนเวทีสัมมนา “Sustainability for Business Forum 2025” ประชูกลยุทธ์การขับเคลื่อนเกษตรกรรมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ทนแล้ง มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้น และการพัฒนาสารกระตุ้นชีวภาพที่ช่วยเสริมสุขภาพพืชในสภาวะความเครียดจากสิ่งแวดล้อม
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 นางสาวกล้วยไม้ นุชนิยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับโลก ได้เข้าร่วมงานสัมมนา Sustainability for Business Forum 2025: CEO Panel ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ โดยร่วมกับหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย (FTCC), หอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย (NTCC), หอการค้าสวิตเซอร์แลนด์-ไทย (STCC) และหอการค้าไทย-สวีเดน (SweCham) จัดขึ้นมาเพื่อร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม ตลอดจนบทบาทของภาคธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนของระบบอาหารโลกและสังคมไทย
นางสาวกล้วยไม้ กล่่าวย้ำถึงบทบาทและความมุ่งมั่นของซินเจนทาในการขับเคลื่อนการเกษตรอย่างยั่งยืนว่า ซินเจนทา เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การเกษตรชั้นนำของโลก สำหรับเราความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องแยกจากธุรกิจหลัก หากแต่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในทุกระดับ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่จริง ซึ่งในประเทศไทยเราได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรมากว่า 60 ปี ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ ทีมงาน โรงงานผลิต และศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของเราที่จะยกระดับภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ”
จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อภาคเกษตรกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือที่จำเป็น การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ควรปฏิบัติ นางสาวกล้วยไม้ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมด้านชีวภัณฑ์ การใช้แนวทางปกป้องพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสนับสนุนระบบเกษตรแบบบูรณาการ ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและยกระดับรายได้ของเกษตรกรอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“ความยั่งยืนเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจของเรา โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งเกษตรกรรมถือเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตความเป็นอยู่และการส่งออก เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ทนแล้งและมีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้น การพัฒนาสารกระตุ้นชีวภาพที่ช่วยเสริมสุขภาพพืชในสภาวะความเครียดจากสิ่งแวดล้อม” นางสาวกล้วยไม้ กล่าว
นอกจากนี้ซินเจนทายังมีเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจในการช่วยให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล Cropwise® Sustainability ผสานภาพถ่ายดาวเทียม ปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนและจัดการฟาร์มได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การตรวจสอบโรคและแมลง การจัดการปุ๋ยและน้ำ ไปจนถึงการเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังใช้เครื่องมือ Cool Farm Tool เพื่อติดตามและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
“เกษตรกรรมในวันนี้ไม่ได้มีความหมายแค่เพียงเพื่อการผลิตอาหาร แต่ยังมีความสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของสภาพภูมิอากาศ การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการสร้างความปลอดภัยทางอาหาร และการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในชนบท เราจำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเครื่องมือและองค์ความรู้ที่เหมาะสม ขณะเดียวกันต้องสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม ที่เชื่อมโยงความยั่งยืนกับความปลอดภัยทางอาหารในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีความรู้เท่าทัน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบอาหารให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ปลอดภัย พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างแท้จริง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่นฯ กล่าว