
ได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 2 เท่า จากปี 2566

นอกจากได้รับประทานทุเรียนคุณภาพสูงแล้ว ยังได้ลดหย่อนภาษี 2 เท่าด้วย ภาควิชาฯ ได้มอบเงินที่ได้จากการอุดหนุนทุเรียนเป็นเงินจำนวน 66,080 บาท (66 คือ ครบรอบ 66 ปีภาควิชาพืชสวน และ 80 คือ ครบรอบ 80 ปีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ให้กับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อสมทบทุนการก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในปี พ.ศ. 2566 พันธุ์ทุเรียนที่ออกดอกติดผล ณ แปลงทดลอง 2 เรือนองุ่นปวิณ ปุณศรี ประกอบด้วยพันธุ์กบสุวรรณ มูซานคิง หนามดำ และจันทบุรี 9 ส่วนพันธุ์หมอนทอง สาลิกา ทองลินจง หลงลับแล จันทบุรี 1 และจันทบุรี 4 ไม่ออกดออกติดผล
จากนั้นประมาณเดือนมิถุนายน 2566 ภาควิชาฯ ได้เพาะเมล็ดลูกผสมหนามดำ มูซานคิง และกบสุวรรณ เมื่อต้นงอกและเติบโต ในปี พ.ศ. 2567 จึงนำมาลูกผสมดังกล่าวมาเสียบยอดแบบเสียบข้างบนต้นตอพันธุ์พื้นบ้าน ปัจจุบันต้นพันธุ์ลูกผสมมีการเจริญเติบโตดีมาก คาดว่าน่าจะให้ผลผลิตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
ในปี พ.ศ. 2567 ทุเรียนต้นเดิมที่ออกดอกติดผลในปี พ.ศ. 2566 ออกดอกทั้ง 4 พันธุ์ และพันธุ์หมอนทอง แต่ทุกพันธุ์ไม่ติดผล เนื่องจากช่วงที่เริ่มออกดอกประมาณเดือนธันวาคม 2566 มีไรแดงเข้าทำลายที่ใบแก่ (เป็นชุดใบที่เตรียมพร้อมสำหรับใช้เพื่อการออกดอก) และบางส่วนเข้าทำลายดอก เมื่อดอกบาน จึงไม่สามารถติดผลได้ เพราะต้นทุเรียนมีอาหารสะสมน้อย ดอกจึงร่วงทั้งหมด หลังจากนั้นยังมีเชื้อรา Fusarium เข้าทำลายต้นทุเรียน มีลักษณะอาการยอดแห้งจากปลายกิ่งลงมา
ทั้งนี้เริ่มสังเกตได้จากไม่มีการแตกยอดใหม่ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 จากนั้นประมาณเดือนมิถุนายน 2567 พบอาการรุนแรงมาก โดยใบร่วงเกือบหมดทั้งต้น โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง จันทบุรี 9 และสาลิกา ส่วนพันธุ์ที่ใบร่วงเหลือใบน้อยมากประมาณ 20% ได้แก่ จันทบุรี 4 หนามดำ มูซานคิง ในขณะที่พันธุ์กบสุวรรณเหลือใบประมาณ 40-50%
แนวทางแก้ไข ใช้สารเคมีกำจัดเชื้อรา Fusarium ผสมกับน้ำส้มควันไม้ ฉีดพ่น 3 ครั้งทุกสัปดาห์ติดกัน จากนั้นพบว่าทุเรียนเริ่มแตกใบอ่อน/ผลิใบอ่อนออกมา
สำหรับการผลิตทุเรียนในปี พ.ศ. 2567 และเก็บผลผลิตในปี พ.ศ. 2568 นี้การให้น้ำ ให้ปุ๋ย แตกต่างไปจากปี พ.ศ. 2566 เนื่องจากสภาพอากาศที่แตกต่างออกไป เช่น มีช่วงแล้งสลับฝนตกตั้งแต่ระยะช่อดอก จำเป็นต้องให้ปุ๋ยที่มี K เป็นระยะทั้งการให้ทางดินและทางใบ
ดังนั้นเทคนิคสำคัญในการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตในปี พ.ศ. 2568 มีดังนี้ 1.ให้ต้นมีอาหารสะสมเพียงพอ โดยเพิ่มการให้อาหารทางใบบ่อยขึ้น (น้ำตาลซอร์บิทอล และกรดอะมิโม) รวมทั้งธาตุอาหารเสริม ได้แก่ เหล็ก สังกะสี ทองแดง ให้ทุก 10 วัน ติดต่อกัน 6 ครั้ง, 2.ประมาณเดือนธันวาคม 2567 ต้นถูกบังแสงจากเงาของต้นนนทรี ทุเรียนสังเคราะห์ด้วยแสงได้น้อย ต้องมีการให้อาหารเสริมทางใบ ได้แก่ น้ำตาลซอร์บิทอล และกรดอะมิโน, 3.ต้นทุเรียนต้องเผชิญกับความแล้งสลับฝนตกแล้วได้รับอุณหภูมิต่ำเป็นเวลานาน ต้องมีการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม
4.ช่วงจังหวะดอกบานประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ฝนตกหนัก ซึ่งเป็นปัญหาในการผสมเกสร ต้องใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตพืชกลุ่ม ออกซิน (NAA) 5% ฉีดพ่นเพื่อช่วยการติดผล,และ 5.ในปี 2566 ใช้เทคนิคการผสมเกสรด้วยวิธีการปาดดอกทุเรียน ทำให้ควบคุมปริมาณดอกที่เหมาะสมในแต่ละกิ่ง ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มีรูปร่างสมบูรณ์ไม่บิดเบี้ยว สำหรับปี พ.ศ. 2568 นี้ ใช้เทคนิคการผสมเกสรด้วยวิธีปัดดอก ซึ่งจะพบจำนวนผลที่มีลักษณะบิดเบี้ยวเกิดขึ้นมากกว่า และในปี พ.ศ.2568 ทุเรียนออกดอก ติดผล ทั้งหมด 5 พันธุ์ ดังกล่าว