กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ หวังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสหกรณ์ได้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยบริหารจัดการสหกรณ์ทั้งด้านการเงิน การบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพและให้บริการสมาชิกได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ก้าวทันกับยุคสมัยและตอบสนองกับการดำเนินธุรกิจ
นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีระบบบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีและการควบคุมภายในที่ดีผ่านการตรวจสอบบัญชีตามมาตรฐานวิชาชีพและให้คำปรึกษาแนะนำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างโปร่งใส โดยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสหกรณ์ได้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยบริหารจัดการสหกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพและให้บริการสมาชิกได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ก้าวทันกับยุคสมัยและตอบสนองกับการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ
อัญมณี ถิรสุทธิ์
การพัฒนาแอปพลิเคชัน Smart 4 M ซึ่งประกอบด้วย SmartManage สำหรับคณะกรรมการสหกรณ์ในการตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ประจำวันอย่างรวดเร็ว จากทุกที่ ทุกเวลา และกำกับสหกรณ์ได้อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาสหกรณ์ SmartMember ระบบสอบถามข้อมูลสมาชิกสหกรณ์ สำหรับตรวจสอบฐานะทางการเงินของตนเองได้ตลอดเวลา สร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกสหกรณ์ในการกำกับดูแลสหกรณ์ SmartMe สำหรับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ใช้บันทึกบัญชีครัวเรือน (รายรับ – รายจ่าย) และบัญชีต้นทุนอาชีพ (รายได้และต้นทุน/ค่าใช้จ่าย)
เพื่อการวางแผนการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและ SmartMonitor สำหรับผู้สอบบัญชีและผู้กำกับดูแลติดตามความเคลื่อนไหวและความผิดปกติทางการเงินของสหกรณ์ได้แบบวันต่อวัน เพื่อนำมาวิเคราะห์และตรวจสอบสหกรณ์ได้ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่กรมฯ พัฒนาขึ้น เพื่อให้สหกรณ์สามารถนำไปใช้วางแผนบริหารจัดการและสร้างระบบการควบคุมภายในที่ดีให้เกิดขึ้นได้
“สหกรณ์ นับเป็นสถาบันการเงินหนึ่งที่มีเงินหมุนเวียนในระบบมาก กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงเป็นหน่วยงานที่เข้ามามีบทบาทในการให้คำแนะนำช่วยเหลือให้สหกรณ์สามารถจัดทำบัญชีการเงินต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐาน มีระบบการควบคุมภายในที่ดี ซึ่งนวัตกรรมต่าง ๆ ที่กรมฯ พัฒนาขึ้น จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ ทั้งนี้ จะต้องอยู่ในความร่วมมือของทุกฝ่าย หากสมาชิกช่วยกันตรวจสอบข้อมูลของตนเองอยู่เสมอ ก็จะช่วยตรวจสอบความผิดปกติหรือข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้” นางสาวอัญมณี กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2567 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ต่อยอดการขับเคลื่อนโครงการ “THINK & DO TOGETHER บูรณาการเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์อย่างยั่งยืน” โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 5 ฝ่าย ได้แก่ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการสหกรณ์ ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ (กรมตรวจบัญชีสหกรณ์) และผู้ตรวจการสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) ร่วมกันยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีและการควบคุมภายในแก่สหกรณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาสหกรณ์สู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน.