อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้ชัดต้องใช้ “จันทบุรีโมเดล” คุมเข้มทุเรียนภาคใต้

  •  
  •  
  •  
  •  

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้ชัดต้องใช้ “จันทบุรีโมเดล” คุมเข้มทุเรียนภาคใต้ เน้นต้องได้ทั้งคุณภาพ ปลอดแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ย้ำเกษตรกรเมื่อตัดทุเรียนส่งโรงคัดบรรจุ ต้องแสดงใบ GAP ด้วย ล่าสุดเปิดสายด่วนกรมวิชาการเกษตร 081-938-4408 อำนวยความสะดวกขึ้นทะเบียน GAP พร้อม บริการ Clinic เกษตรเคลื่อนที่บริการเกษตรกร

       นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้ทุเรียนภาคใต้กำลังออกผลผลิต จึงขอย้ำว่าต้องใช้ “จันทบุรีโมเดล” คุมเข้มทุเรียนภาคใต้ ซึ่งตนได้สั่งการให้มีการตรวจเข้มคุณภาพทุเรียนส่งออกต้องได้ทั้งคุณภาพ ปลอดแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงตรวจสอบแหล่งที่มาได้ และย้ำเกษตรกรเมื่อตัดทุเรียนส่งโรงคัดบรรจุ ต้องแสดงใบ GAP ให้โรงคัดบรรจุด้วย ซึ่งทางประเทศจีนได้ขึ้นทะเบียน GAP ซึ่งเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 66 โดยเป็น GAP ทุเรียน จำนวน 74,136 แปลง อยู่ในภาคใต้ 38,181 แปลง และ

      ล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย. 66 ทางกรมวิชาการเกษตรได้ส่งทะเบียน GAP ให้จีนผ่านทูตเกษตรปักกิ่ง เพื่อขี้นทะเบียนในรอบถัดไปแล้ว อยู่ระหว่างรอจีนพิจารณาขึ้นทะเบียน โดยเป็น GAP ทุเรียน จำนวน 72,488 แปลง อยู่ในภาคใต้ 40,107 แปลง จึงมั่นใจว่าจำนวนใบ GAP สำหรับการส่งออกมีเพียงพออย่างแน่นอน ดังนั้น  เพื่อให้สอดรับมาตรฐานการส่งออกตามพิธีสารไทย-จีน หากใบ GAP ส่งออกไม่ได้ ติดต่อเจ้าหน้าที่สายด่วนกรมวิชาการเกษตร 081-9384408

     ทั้งนี้ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ที่ทำงานอย่างหนัก ซึ่งผู้บริโภคชาวจีนรับรู้ รสชาต คุณภาพ ของทุเรียนไทยที่มีความเป็นอัตลักษณ์ ไม่เหมือนประเทศอื่น พิสูจน์ได้จาก ในฤดูกาลส่งออกทุเรียนของไทยภาคตะวันออกที่ผ่านมา สามารถส่งออกไปจีนได้ในราคาสูง ขอให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รักษาคุณภาพการผลิต ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อให้ทุเรียนทุกลูกที่ส่งออกไปจีนมีคุณภาพ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ในวันที่ 27-28 มิ.ย. 66 เพื่ออำนวยความสะดวก ประชุมชี้แจงการทำงานกับหน่วยงาน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดขึ้นทะเบียน GAP บริการอื่นๆ ของกรมวิชาการเกษตรเคลื่อนที่อำนวยความสะดวก ลดภาระในการเดินทางของเกษตรกร

       ส่วนสถานการณ์ทุเรียนใต้ ราคารับซื้อทุเรียน วันที่ 20-24 มิ.ย. 2566 AB อยู่ที่ 120-125 บาท ซึ่งถือว่า ราคาสูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงนี้ทุเรียนเวียดนาม เริ่มมีการเก็บเกี่ยวผลผลิต บวกกับประเทศไทยมีผลไม้ในฤดูกาลออกหลายชนิด ได้แก่ มังคุด เงาะ ลิ้นจี่ ทำให้ราคาทุเรียนลดลง จากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยราคาทุเรียนจะดีดตัวสูงขึ้นในช่วงปลายมิถุนายน จากผลผลิตที่มีไม่มากนัก เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดชุมพร ทำให้ผลผลิตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 330,000 ตัน เหลือประมาณ 230,000 ตัน

     “ตอนนี้เราได้จัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจในการตรวจคุณภาพทุเรียน จำนวน 104 ชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนปฏิบัติงานเพื่อรองรับการดำเนินการส่งออกทุเรียนตลอดฤดูกาล โดยชุดเฉพาะกิจดังกล่าว ได้ออกตรวจติดตามล้ง ตั้งแต่ก่อนวันประกาศวันเก็บเกี่ยวทุเรียน วันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจ ทุกตู้ ทุกล้ง เพื่อทำการตรวจแยกสีล้ง ให้เป็นสีเขียว เหลือง แดง หลังวันที่ 10 มิ.ย. มีการวางแผนการเข้าตรวจตามประเภทล้งที่ได้จัดเกรดไว้ ล้งที่ได้สีเขียว หมายถึง ล้งที่มีการปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนด ส่วนสีเหลืองและแดง คือล้งที่อาจจะมีการปฏิบัติที่คลาดเคลื่อนไปบ้างและจะต้องเพิ่มความถี่ในการเข้าตรวจอย่างต่อเนื่อง  ขอย้ำให้ทุกล้งปฏิบัติตามแนวทางที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นสีเขียว ซึ่ง สวพ. 7 และ 8 จะส่งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจฯ เข้าสุ่มตรวจติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าหมดฤดูกาล”อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

       ด้านนางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 กรมวิชาการเกษตร (ผอ.สวพ.7) กล่าวว่า สวพ.7 และ สวพ.8 ได้ร่วมกับศูนย์เครือข่าย ด่านตรวจพืช เกษตรจังหวัด และฝ่ายปกครองจังหวัด ตรวจเข้มคุณภาพทุเรียนก่อนส่งออกตั้งแต่แปลงเกษตรกร ผู้ตัด ผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศจีน โดยได้นำเอาวิธีการจัดการ “จันทบุรีโมเดล” มาเป็นแบบอย่างสร้างมาตรฐานทุเรียนคุณภาพของภาคใต้ ปัจจุบันพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ (ล้ง)  ได้เปิดทำการแล้ว 214 โรงในจังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช คาดว่า จะเปิดครบทั้งหมดในปลายเดือน ก.ค. ซึ่งกรมวิชาการเกษตร จะใช้มาตรการตรวจอย่างเข้มข้นในการควบคุมคุณภาพทุเรียนก่อนการส่งออก

        สำหรับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อม สวพ.7 และ สวพ.8 บูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคใต้  สร้างความเข้าใจกับเกษตรกร ผู้ประกอบการ ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล  มีการประชุมหารือคณะทำงานเตรียมความพร้อม ร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี  กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในวันที่ 24 พ.ค. จัดประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติการส่งออกทุเรียนคุณภาพให้กับผู้ประกอบการล้งภาคใต้ 

   ขณะที่การดำเนินงานร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่  เน้นย้ำให้มี การขึ้นทะเบียน นักคัด นักตัดทุเรียน โดยสำนักงานเกษตรจังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่  จัดอบรมนักคัด นักตัด ทุเรียนมืออาชีพโดยเปิดอบรมฟรี ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา มีการจัดอบรมไปแล้วกว่า 1,000 ราย ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาการตัดทุเรียนอ่อนได้