ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ดูแลเกษตรกรแบบครบวงจร ผ่านโมเดลการออกแบบ- การจัดการเชิงพื้นที่ ปลื้ม 2 วิสาหกิจชุมชนฝ่าวิกฤตฉลุย

  •  
  •  
  •  
  •  

ธ.ก.ส. ลงพื้นที่เสริมแกร่งเกษตรกรหัวขบวนฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจผ่านโมเดล D&MBA การออกแบบการจัดการเชิงพื้นที่ เติมความรู้จัดสรรกระบวนการผลิต สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนเพิ่มศักยภาพในการผลิตด้วยนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า พร้อมเติมทุนขับเคลื่อนธุรกิจเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน หวังมุ่งต่อยอดการเชื่อมโยงธุรกิจสู่มาตรฐานการส่งออกระดับสากล ปลื้ม 2 วิสาหกิจชุมชนที่เป็นลูกค่าสามารถฝ่าวิกฤตได้เป็นอย่างดี

นายสุภาษิต ศุภวุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรต้องเผชิญกับวิกฤตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สงครามความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนที่ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวราคาต้นทุนการผลิตอย่างปุ๋ยเคมีที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องกอปรกับสภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้นทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบในหลายมิติ ทั้งปริมาณผลผลิต การขนส่งและรายได้ที่ลดลง

ดังนั้น ธ.ก.ส.จึงต้องวางมาตรการและลงพื้นที่ดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร ทั้งด้านการฟื้นฟูลูกค้า เติมความรู้สร้างอาชีพเพิ่มศักยภาพการชำระหนี้ลูกค้า เติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้โครงการบูรณาการการออกแบบ-การจัดการเชิงพื้นที่ เพื่อ “แก้หนี้ แก้จน” ตามแนวทาง D&MBA : Design & Manage by Area

การลงพื้นที่ในครั้งนี้  ธ.ก.ส.ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำนาบัวงามและวิสาหกิจฟรุทส์ฟาร์ม จังหวัดอุบลราชธานีที่เข้าร่วมโครงการฯ และนำโมเดล D&MBA ไปปรับใช้โดยเน้นการเชื่อมโยงเกษตรกรหัวขบวนในพื้นที่เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และนำไปสู่การจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินในชุมชน

สำหรับวิสาหกิจกลุ่มเกษตรกรทำนาบัวงาม เกิดจากการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างธุรกิจในชุมชนโดยเริ่มจากการจัดหาเงินทุน จำหน่ายปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ราคาถูกให้แก่สมาชิกที่ส่วนใหญ่ทำนาและผลิตข้าวหอมมะลิเป็นหลัก แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประสบปัญหาด้านการตลาด ทั้งการขนส่งและผู้รับซื้อทำให้ราคาสินค้าเกษตรต่ำลงส่งผลกระทบไปยังรายได้ที่ลดลง ทำให้สมาชิกต้องหันมาเลี้ยงโคขุนเป็นอาชีพเสริม ด้วยการรวบรวมโคขุนเพื่อจำหน่ายไปยังตลาด และนำมูลวัวมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตและสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกในช่วงวิกฤต

พร้อมกันนี้ได้มีการทำการลงนามข้อตกลง หรือ MOU ร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บุณฑริกสัตวแพทย์และกฤษฎาฟาร์ม จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้มีตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอน ซึ่งทาง ธ.ก.ส. ให้การสนับสนุน ทั้งการเติมองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตโดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น เกษตรอำเภอและปศุสัตว์อำเภอ การทำบัญชีที่ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย จำนวน 4,000,000 บาท เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสมาชิกและต่อยอดธุรกิจการจำหน่ายโคขุนให้มีคุณภาพตามความต้องการตลาด

นอกจากนี้กลุ่มเกษตรกรทำนาบัวงามยังดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมปลูกป่า คัดแยก จัดเก็บขยะและนำของที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นการลดมลพิษและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนอย่างยั่งยืน

นายสุภาษิต กล่าวอีกว่า  ด้านวิสาหกิจฟรุทส์ฟาร์ม เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 2562 ด้วยการปลูกกล้วยหอมทองจำหน่ายไปยังร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ศูนย์การค้าโลตัสและส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นหัวขบวนหลักของเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยใน 5 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดยโสธร มีการรวมกลุ่มเกษตรกร
สนับสนุนการนำนวัตกรรมและผลิตปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ในกระบวนการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล

” ธ.ก.ส.เรา เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตและต่อยอดธุรกิจฟรุทส์ฟาร์มไปสู่การเชื่อมโยงทางธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่การเสริมความรู้ด้านกระบวนการผลิต การสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ การทำบัญชีการควบคุมคุณภาพผลผลิต การอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยกว่า3,000,000 บาท ให้ฟรุทส์ฟาร์มสามารถต่อยอดและยกระดับธุรกิจการส่งออกสินค้าไปสู่สากลจากที่กล่าวมา วิสาหกิจชุมชนทั้งสองแห่ง” นายสุภาษิต กล่าว

ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวด้วยว่า ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จจากการดำเนินงานภายใต้โครงการการออกแบบ – การจัดการเชิงพื้นที่ให้เกษตรกรสามารถก้าวพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ ด้วยการกำหนดปัญหาโดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางคำนึงถึงโอกาสและสิ่งที่คาดว่า จะเกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล พัฒนาศักยภาพการผลิตเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน รวมถึงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในด้านการประกอบอาชีพให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมีศักยภาพในการชำระหนี้ที่เป็นภาระหนักอันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากโดยรวมของประเทศ