“เบทาโกร” ผนึก “มจธ.” สร้างนวัตกรรม เพิ่มศักยภาพ ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ 

  •  
  •  
  •  
  •  

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ เบทาโกร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)  ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัย โครงการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจเบทาโกร มุ่งสร้างนวัตกรรม เพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ ตอบสนองกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ “Betagro Powering Change” ด้าน Supply Chain Resilience และ Digital Transformation เป้าปีนี้จะนำร่องศึกษาวิจัย  และพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุกร ก่อนจะขยายให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน    และระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจเบทาโกร

        วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ผศ.ดร.มณฑิรา นพรัตน์” รองอธิการบดีฝ่ายอุตสาหกรรมและภาคีความร่วมมือ ในฐานะผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจเบทาโกร โดยมีคณะผู้บริหารเบทาโกร และ มจธ. ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารเบทาโกร ทาวเวอร์ นอร์ธปาร์ค กรุงเทพฯ

     นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เบทาโกรในฐานะผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพิ่มผลิตภาพ และประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต โดยเฉพาะการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมใหม่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มมูลค่า และตอบสนองความต้องการของลูกค้า และคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจของเบทาโกร

     ความร่วมมือด้านการวิจัย ของเบทาโกรกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ ภายใต้โครงการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริม สนับสนุน การวิจัย และการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ (Supply Chain & Logistics) ให้กับธุรกิจของเบทาโกรเองแล้ว ยังเป็นการเพิ่มองค์ความรู้และศักยภาพให้กับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรอีกด้วย

     ด้านรศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง มจธ. และเบทาโกร สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุดมศึกษาของประเทศ ที่เป็นแหล่งสนับสนุนการสร้างงานและนำความรู้ไปแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชนและท้องถิ่น รวมทั้งเป็นไปตามทิศทางการพัฒนาของ มจธ. ที่มุ่งมั่นในการผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มี Employability ใน Global market และเป็น Social Change Agent ตลอดจนผลิตงานวิจัย และงานบริการวิชาการให้ตอบโจทย์ ชี้นำภาคอุตสาหกรรมและสังคมต่อไป

      มจธ. มีศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยเฉพาะทางที่มีประสบการณ์งานวิจัยกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมากว่า 20 ปี มีผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อยกระดับการดำเนินงานด้าน Supply Chain & Logistics ของเบทาโกรได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในปัจจุบัน และในอนาคต

     ขณะที่ ผศ.ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวเสริมว่า ธุรกิจอาหารและปศุสัตว์มีความสำคัญ และมีคุณค่าเป็นอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกัน  ก็เผชิญความท้าทายใหม่ ๆ เข้ามาอย่างมากมาย ส่งผลกระทบธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเร่งปรับตัวและผ่าฟันข้อจำกัดต่าง ๆ ด้วยความมุ่งมั่น พร้อมก้าวไปสู่เป้าหมายสำคัญด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)

     มจธ. โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ เล็งเห็นว่าเบทาโกรฐานะบริษัทชั้นนำด้านการผลิตอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมของไทย มีห่วงโซ่อุปทานจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำที่ยาว และมีความซับซ้อน จึงพร้อมที่จะเข้ามาส่งเสริม และสนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาความเป็นเลิศของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Excellence) ในการยกระดับประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ของ      เบทาโกร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวต่อไป

      สำหรับโครงการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ เบทาโกรได้ทำงานกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจและภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยกลยุทธ์ Betagro Powering Change ในด้าน Supply Chain Resilience ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ด้าน ที่จะเพิ่มความเข้มงวดรัดกุมของระบบ Biosecurity ให้มีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อม ตลอดจนถึงการมองหาโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานในปัจจุบันและอนาคตควบคู่กันไป