ธ.ก.ส.จัด 2 โครงการ “ชำระดีมีคืน-ลดดอกเบี้ยแก้หนี้สินภาคครัวเรือน” หวังเสริมสภาพคล่องเกษตรกร

  •  
  •  
  •  
  •  

ธ.ก.ส. เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาล จัดตั้งคณะกรรมการบริหารหนี้ในระดับจังหวัดและสาขา เพื่อดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัด โครงการชำระดีมีคืน คืนดอกเบี้ยร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง วงเงินรวม 2,000 ล้านบาทและโครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน ปีบัญชี 2565 หวังช่วยเหลือลูกค้าที่มีหนี้สินเป็นภาระหนัก  จะลดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและCOVID-19 ตรวจสอบสิทธิ์เข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่บัดนี้ถึง31 มีนาคม 2566 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินที่กำหนด

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนนโยบาย โดยวางมาตรการในการฟื้นฟูและลดหนี้ครัวเรือนเกษตรกรเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจฐานราก รวมถึงเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ภัยธรรมชาติและภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนทำให้เกษตรกรลูกค้ามีรายได้ลดลงสวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น

ทั้ง ธ.ก.ส. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารหนี้ในระดับจังหวัดและสาขาเพื่อจัดทีมงานลงไปพบปะพูดคุย สอบถามปัญหากับเกษตรกรลูกค้า และวางแนวทางการเข้าไปช่วยเหลืออย่างตรงจุด ควบคู่กับการจัดโครงการชำระดีมีคืน และโครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน ปีบัญชี 2565 เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินอันเป็นภาระหนัก เสริมสภาพคล่องให้ให้เกษตรกรให้ให้สามารถประกอบอาชีพและมีรายได้เพียงพอสำหรับหมุนเวียนในครัวเรือน

สำหรับโครงการชำระดีมีคืน ปีบัญชี 2565 มุ่งเน้นให้เกษตรกร บุคคล กลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล รวมถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีหนี้ถึงกำหนดชำระ หรือหนี้ค้างชำระ 0 – 3 เดือน ในปีบัญชี 2565 ที่มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 30 เมษายน 2565 ยกเว้นหนี้เงินกู้โครงการที่ได้รับชดเชยดอกเบี้ยตามนโยบายรัฐบาล มีแรงจูงใจในการชำระหนี้ตามกำหนดเวลา โดยธนาคารจะคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากลูกค้าโดยตรงในวันถัดไป วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท

สำหรับเกษตรกรบุคคล รับดอกเบี้ยคืน อัตราร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง ไม่เกินรายละ 1,000 บาท และกลุ่มเกษตรกร นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รับดอกเบี้ยคืน อัตราร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สะสมไม่เกิน 3,000 บาท และกรณีกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สะสมรายละไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับโครงการชำระดีมีคืน ปีบัญชี 2565 มุ่งเน้นให้เกษตรกรบุคคล กลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล รวมถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 30 เมษายน 2565 ยกเว้นหนี้เงินกู้โครงการที่ได้รับชดเชยดอกเบี้ยตามนโยบายรัฐบาล มีแรงจูงใจในการชำระหนี้ตามกำหนดเวลา

โดยธนาคารจะคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากลูกค้าโดยตรงในวันถัดไป วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรบุคคล รับดอกเบี้ยคืน อัตราร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริงไม่เกินรายละ 1,000 บาท และกลุ่มเกษตรกร นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รับดอกเบี้ยคืน อัตราร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สะสมไม่เกิน 3,000 บาทและกรณีกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สะสมรายละไม่เกิน 10,000 บาท

โครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้สินภาคครัวเรือน 2565 มุ่งเน้นให้เกษตรกรและบุคคลกลุ่มบุคคลกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล รวมถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (Non – Performing Loan – NPL)หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีสถานะรับรู้รายได้ดอกเบี้ยค้างรับเกณฑ์เงินสด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 หรือลูกหนี้ที่ออกจากโครงการพักชำระหนี้หรือโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ครบกำหนด โดยมีอัตราในการลดดอกเบี้ย ได้แก่

1) ลดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 50 ของดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด เมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายสัญญา 2) กรณีชำระดอกเบี้ยได้เสร็จสิ้น ลดดอกเบี้ยร้อยละ 30 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง 3) กรณีชำระดอกเบี้ยบางส่วน ลดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สำหรับเกษตรกรและบุคคล และในกรณีที่เป็นลูกหนี้กลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล รวมถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองลดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สำหรับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล รวมถึงกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า ธ.ก.ส. จะทำการคัดกรองเลือกรายชื่อผู้มีสิทธิ์ตามเงื่อนไขของเข้าร่วมโครงการชำระดีมีคืนและโครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน ปีบัญชี 2565 โดยอัตโนมัติโดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเพิ่มเติมได้ที่Call Center 02 555 0555ทั้งนี้ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งเมื่อเกษตรกรลูกค้าชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วสามารถรับการสนับสนุนสินเชื่อใหม่เพื่อนำไปลงทุนในการประกอบอาชีพ รวมถึงการฟื้นฟูอาชีพเพื่อสร้างรายได้ตามความเหมาะสมต่อไป