สรุปภาวะสินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ วันที่ 13-17 กันยายน 2564
ข้าวโพด : ราคาเพิ่มขึ้น
จากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อย ส่งผลให้สัปดาห์นี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ ปรับขึ้นจากหาบละ 666 บาท เป็นหาบละ 681 บาท
ด้านตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 15 กันยายน 2564 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอบส่งมอบเดือนธันวาคม 2564 ราคาอยู่ที่ 553.50 เซนต์/บุชเชล
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานสินค้าเกษตรโลก (WASDE) ได้ปรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดฤดูกาล 2564/65 จาก 84.5 ล้านเอเคอร์ เป็น 85.1 ล้านเอเคอร์ และผลผลิตต่อไร่จาก174.6 บุชเชลต่อเอเคอร์ ไปอยู่ที่ 176.3 บุชเชลต่อเอเคอร์ เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ข้าวโพดที่อยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมากลดลงเล็กน้อยไปอยู่ที่ 58% ปัจจุบันเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดในพื้นที่เพาะปลูกทางตอนใต้ของมิดเวสต์
แนวโน้ม : คาดว่าราคาข้าวโพดในประเทศน่าจะทรงตัว
ถั่วเหลือง : ราคาทรงตัว
กากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าในสัปดาห์นี้ ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 18.90 บาท หลังจากผ่านพ้นพายุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าเรือเริ่มกลับมาทำงานสำหรับการส่งออกอีกครั้ง ด้านการเพาะปลูกและคาดการณ์ผลผลิตยังคงอยู่ในระดับที่ดี ปริมาณซื้อในตลาดและราคายังคงสูงทรงตัว ขณะที่ค่าระวางเรือทั่วโลกยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง
ด้านตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก ประจำวันที่ 15 กันยายน 2564 เมล็ดถั่วเหลือง รอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน 2564 ราคาอยู่ที่ 1,294.50 เซนต์/บุชเชล และกากถั่วเหลือง รอบส่งมอบเดือนธันวาคม 2564 ราคาอยู่ที่ 339.60 เหรียญสหรัฐฯ/ช็อตตัน โดยคาดการณ์ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ทำให้รายงานฉบับล่าสุดมีปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 4,374 ล้านบุชเชล และสต๊อกอยู่ที่ 185 ล้านบุชเชล
ขณะที่ประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเข้ามาในพื้นที่ก่อนเริ่มการเพาะปลูกในปลายเดือนกันยายนนี้
แนวโน้ม : คาดว่าราคาถั่วเหลืองนำเข้าน่าจะทรงตัว
ปลาป่น : ราคาทรงตัว
ปริมาณการสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลถัดไปของประเทศเปรูยังค่อนข้างเงียบ ขณะที่ค่าขนส่งจากเปรูไปสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายยังรอติดตามสถานการณ์ราคา ด้านสาธารณรัฐประชาชนจีนผู้ซื้อหลัก ยังมีปริมาณซื้อหน้าท่าเรือในระดับสูง ส่งผลให้ราคาซื้อหน้าท่าเรือทรงตัวในระดับสูง ส่วนสต๊อกหน้าท่าเรือปรับลดลงเล็กน้อย
ปลาป่นเกรดกุ้ง ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 48.00 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 1 เกรดที่สูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 42.70 บาท และปลาป่นเกรดที่ต่ำกว่า 60 โปรตีน ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 40.20 บาท
ด้านปลาป่นคุณภาพรองลงมา
ปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 39.70 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 56 แต่ไม่เกิน 60 ราคาทรงตัวที่กิโลกรัมละ 38.20 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาปลาป่นน่าจะทรงตัว
ข้าว : ราคาลดลง
การซื้อขายข้าวตลาดต่างประเทศในสัปดาห์นี้ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ส่งออกท่าเรือกรุงเทพฯ เอฟ.โอ.บี. ราคาลดลงจากตันละ 419 เหรียญสหรัฐฯ เป็นตันละ 414 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ส่งออก เอฟ.โอ.บี. ลดลงจากตันละ 361 เหรียญสหรัฐฯ เป็นตันละ 359 เหรียญสหรัฐฯ
ด้านตลาดซื้อขายข้าวในประเทศ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ราคาลดลงจากกระสอบละ 1,230 บาท เป็นกระสอบละ 1,220 บาท ส่วนปลายข้าว เอ.วัน.พิเศษ ณ โรงงานอาหารสัตว์ ยืนราคาที่กระสอบละ 1,040 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาข้าวน่าจะทรงตัว
สุกร : ราคาทรงตัว
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศราคาสุกรขุนมีชีวิตหน้าฟาร์ม ณ วันพระที่ 14 กันยายน อยู่ที่กิโลกรัมละ 60-72 บาท ขณะที่การบริโภคเนื้อหมูปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ที่ให้รับประทานอาหารภายในร้านได้ เป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการบริโภคต่อเนื่อง
ส่วนลูกสุกรน้ำหนัก 16 กิโลกรัมต่อตัว ราคาอยู่ที่ 1,600 บาท (บวก/ลบ 60)
แนวโน้ม : คาดว่าราคาสุกรน่าจะทรงตัว
ไก่เนื้อ : ราคาทรงตัว
ราคาแนะนำไก่เนื้อหน้าฟาร์ม ตามประกาศสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 30 บาท ด้านลูกไก่เนื้อ ราคาตัวละ 6.50 บาท และลูกไก่ไข่ ราคาตัวละ 28.00 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาไก่เนื้อน่าจะทรงตัว
ไข่ไก่ : ราคาทรงตัว
การบริโภคไข่ไก่ทรงตัวสมดุลกับปริมาณผลผลิต ส่งผลให้ สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร ที่ฟองละ 3.00 บาท
แนวโน้ม : คาดว่าราคาไข่ไก่น่าจะทรงตัว
ที่มา : สื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ CPF