ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือน ก.ย.64 มี 4 รายการส่อสดใส …เช็คดีได้เลย

  •  
  •  
  •  
  •  

สมเกียรติ กิมาวหา

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ รวมถึงความต้องการของประเทศคู่ค้า ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนกันยายน 2564 ทั้งข้าวเปลือกหอมมะ ลิยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลังปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม ส่อแววสดใส่ มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าข้าว เปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์น้ำตาลทรายดิบ สุกร และโคเนื้อมีแนวโน้มราคาปรับลดลง

    นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกันยายน2564โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่

    ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่ 10,075-10,465 บาท/ตันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.42-5.35 เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดจากสต็อกข้าวของผู้ประกอบการที่ลดลง

    ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3ราคาอยู่ที่ 49.00-52.00 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.31– 6.45 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยางพาราในประเทศที่ออกสู่ตลาดลดลง การขาดแคลนแรงงานกรีดยางพารา และภาวะฝนตกชุกในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ ประกอบกับความสามารถในการแข่งขันการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และความต้องการในประเทศคู่ค้าที่เติบโตตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน อย่างไรก็ตาม สต็อกยางพาราโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันราคายางพาราในตลาดซื้อขายล่วงหน้าได้

    มันสำปะหลังราคาอยู่ที่ 2.01 – 2.05 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 – 2.50 เนื่องจากปริมาณผลผลิตปรับตัวลดลงเพราะเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยสูงขึ้น และความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

    ปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 6.78-7.37 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.04-9.80 เนื่องจากนโยบายภาครัฐขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2564 และราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบของตลาดประเทศมาเลเซียสูงขึ้น

    และกุ้งขาวแวนนาไมราคาอยู่ที่ 126 – 127 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.80 – 1.50 เนื่องจากคาดว่าจะเริ่มมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดได้ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2564 ทำให้ร้านอาหารกลับมาเปิดบริการและสามารถเดินทางได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณกุ้งลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19ทำให้เกษตรกรลดจำนวนและเลื่อนเวลาการปล่อยลูกกุ้ง

     ส่วนสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่ 7,211-7,405 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.36-4.01 เนื่องจากการปรับลดราคาส่งออกข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ อาทิ ประเทศอินเดีย และประเทศเวียดนาม เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโลก และส่งผลกดดันให้ราคาส่งออกข้าวลดลง

    ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 9,114-9,311 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.69-3.77 เนื่องจากมีการคาดการณ์ผลผลิตข้าวเหนียวนาปีที่จะออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีจะมีปริมาณมากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคมีเท่าเดิม

    ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่ 7.60-7.69 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.40-1.50 เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว คาดว่าปริมาณผลผลิตในเดือนนี้จะออกสู่ตลาดประมาณร้อยละ 17.53 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นไม่มากจากการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนอื่น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสัญญาส่งมอบถั่วเหลืองปรับตัวลดลง

     น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่ 19.49-19.69 เซนต์/ปอนด์ (14.11-14.25 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.50 เนื่องจากมีความชัดเจนว่าประเทศอินเดียจะดำเนินนโยบายอุดหนุนการส่งออกน้ำตาลซึ่งส่งผลกดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลกประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันในเดือนกันยายนที่คาดว่าจะลดลง ซึ่งจะทำให้ความต้องการเอทานอลปรับลดลงอาจกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของประเทศบราซิลเพิ่มการผลิตน้ำตาลมากกว่าเอทานอล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

     สุกรราคาอยู่ที่ 67.26-67.98 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.32-3.31 เนื่องจากโรงฆ่าสุกรบางพื้นที่ถูกระงับการดำเนินงานชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีสุกรเหลือสะสมในฟาร์มสุกรจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการบริโภค และส่งผลให้ราคาสุกรปรับตัวเพิ่มขึ้น 

    และโคเนื้อราคาอยู่ที่ 94.50-95.10 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.05 – 0.58 เนื่องจากจำนวนโคเนื้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการบริโภคที่ลดลง ส่งผลกดดันราคาซื้อขายโคเนื้อภายในประเทศปรับตัวลดลง