เร่งพัฒนาแอร์คาร์โก เป็นศูนย์ตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร-อาหารส่งออก นำร่องที่ดอนเมือง ก่อนสู่ 4 ภูมิภาค

  •  
  •  
  •  
  •  
“เฉลิมชัย” จับมือกระทรวงพาณิชย์ และเอกชน เดินหน้า “5ยุทธศาสตร์” ฝ่าวิกฤตโควิด เร่งพัฒนาแอร์คาร์โกส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรทางเครื่องบิน  นำร่องตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรอาหาร ประมง ปศุสัตว์ แห่งแรกที่ดอนเมือง ตามด้วยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนขยายสู่ 4 ภูมิภาค ตั้งเป้าไทยเป็นฮับของอาเซียน คาดส่งออกสินค้าอาหาร เกษตรกรของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2%
   นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (13 มิ.ย) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้หน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ (Agriculture and Food Air Cargo Terminal :AFCT) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารโดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร เริ่มโครงการนำร่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นลำดับถัดไป ก่อนจะขยายโครงการไปยังท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาคเกษตรอาหารซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19
      นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลโดยคงความสดสะอาดอร่อยสามารถเพิ่มเวลาการบริโภคหรือเวลาการขาย (Shelf life) มากขึ้น
สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรอาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัลทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรอาหารเพื่อส่งออกตามเงื่อนไขของประเทศผู้นำเข้า และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ประกอบด้วย สินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ โดยให้บริการกับผู้ขอรับบริการทั่วไปแบบวันสต็อปเซอร์วิสเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน
      อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา การประเมินการส่งออกอาหารของไทยในปี 2564 โดยสถาบันอาหาร คาดการณ์ว่า สินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่หดตัวจากผลกระทบของโควิด 19
     ดังนั้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน จึงเป็นกลไกที่สำคัญในสนับสนุนการส่งออกผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และความปลอดภัยของสินค้าเกษตรไทย จะเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของตลาดต่างประเทศ เพิ่มปริมาณและมูลค่าสูงขึ้น และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป
      “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ายุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่จะขับเคลื่อนการทำงานด้วย 5 ยุทธศาสตร์ และ 15 แนวทางนโยบายหลักโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อปฏิรูปภาคเกษตรและ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เพื่อตอบสนองต่อห่วงโซ่อุปทาน ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่ออํานวยความสะดวกในการส่งออก และนําเข้าสินค้าเกษตร”นายอลงกรณ์ กล่าว