สมเกียรติ กิมาวหา
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้การระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนมกราคม 2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้น ด้านน้ำตาลทรายดิบยางพาราดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มปรับราคาลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนมกราคม 2564 โดย สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่8,542 -8,865 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ2.20-6.07 เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลก อาจทำให้มีความต้องการข้าวขาวจากไทยเพิ่มขึ้น
ข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ราคา 11,683 -11,726 บาท/ตันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 5.38-5.76 เนื่องจากภาครัฐมีโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยวงเงินสินเชื่อต่อตันของข้าวเปลือกหอมมะลิใกล้เคียงกับราคาตลาด และเกษตรกรได้ผลประโยชน์หากเก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเองจะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่10,325-10,651 บาท/ตันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.03-3.19 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่7.91-7.99 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.50 เนื่องจากสิ้นสุดช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดฤดูฝนในเดือนมกราคม ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอหารสัตว์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของการส่งออกเนื้อสัตว์
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ น้ำตาลทรายดิบนิวยอร์กราคาอยู่ที่ 13.79 -14.22 เซนต์/ปอนด์ (9.19 – 948 บาท/กก.)ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.50-4.50 เนื่องจากคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลของประเทศบราซิลจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนที่ตกเพิ่มขึ้นซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความแห้งแล้ง ประกอบกับรัฐบาลอินเดียประกาศนโยบายอุดหนุนผู้ผลิตน้ำตาลของอินเดียเพื่อส่งออกมากถึง 6ล้านตัน ซึ่งจะทำให้สต็อกน้ำตาลของโลกปรับตัวเพิ่มมากขึ้น
ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3ราคาอยู่ที่56.85 –57.15 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.10 – 0.63 เนื่องจากปริมาณสต็อกยางพาราของประเทศจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาตลาดล่วงหน้าโตเกียวปรับตัวลดลงและค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายางพาราอาจได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการถุงมือยางเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
มันสำปะหลังราคาอยู่ที่2.00-2.06 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.48 – 3.38 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุด ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 ที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 มีประมาณ 18.47 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 61.81 ของผลผลิตทั้งปีการผลิต
ปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่6.80-6.95 บาท/กก.ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.57-2.72 เนื่องจากความต้องการปาล์มน้ำมันเพื่อนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซลที่คาดว่าจะลดลง จากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ภายในประเทศที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานเพื่อการเดินทางขนส่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ คาดว่าราคากลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
สุกรราคาอยู่ที่68.83-70.00 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.86–2.52 เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงในแหล่งผลิตสุกรที่สำคัญ อาทิ จังหวัดราชบุรี และเชียงใหม่ ส่งผลให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้บางจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเริ่มมีมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งอาจทำให้ความต้องการเนื้อสุกรของร้านอาหารและธุรกิจการท่องเที่ยวลดลงและ
กุ้งขาวแวนนาไมราคาอยู่ที่140.00 – 145.00 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.97 – 7.28 เนื่องจากสถานการณ์แพกุ้งจังหวัดสมุทรสาครปิดล็อคดาวน์ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ผู้เลี้ยงกุ้งจำเป็นต้องหาแหล่งระบายผลผลิต ทำให้มีโอกาสถูกกดราคารับซื้อ ประกอบกับความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของอาหารทะเลอาจส่งผลให้ความต้องการในตลาดลดลง