ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563 ข้าวเปลือกเจ้า-ยางพาราแผ่นดิบ-มันสำปะหลัง-ปาล์มน้ำมัน แนวโน้มขยับขึ้น

  •  
  •  
  •  
  •  

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.ชี้ปัญหาภัยธรรมชาติ ภาวะตลาดโลกและนโยบายรัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563  ข้าวเปลือกเจ้า-ยางพาราแผ่นดิบ-มันสำปะหลัง-ปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น  ขณะที่ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ สุกรและกุ้งขาวแวนนาไมมีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง

       นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนตุลาคม2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่ 9,479-9,628 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.05 – 1.63 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงในประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงร้อยละ 90 จึงมีสต็อกข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทำให้ประเทศออสเตรเลียอาจนำเข้าข้าวจากประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคม

     ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 48.00 – 48.25 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.23 – 0.75 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐ ประกอบกับคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดลดลงจากภาวะฝนตกชุกซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางพารา

       มันสำปะหลังราคาอยู่ที่ 1.77-1.82 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57- 3.41 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากต่างประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง  และปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 4.07-4.15 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.25- 2.22 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานไบโอดีเซลภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงผลักดันให้ราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

        ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลงได้แก่ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่ 13,067 – 13,365 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 – 2.79 เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับโรงสียังคงประสบปัญหาสภาพคล่องซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันราคาข้าวในตลาดข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่ 14,777 – 15,091บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ0.77 – 2.83 เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวนาปีเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น

      ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่ 7.56-7.60 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 – 1.00 เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวรุ่นแรก (เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน) ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์คาดว่าทรงตัวตามสภาวะการบริโภคเนื้อไก่ที่ทรงตัวน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่11.74- 11.86เซนต์/ปอนด์ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.50(8.80-8.85 บาท/กก.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเอทานอลที่ลดลงในบราซิล ซึ่งอาจกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของบราซิลเพิ่มสัดส่วน

       การผลิตน้ำตาลมากกว่าผลิตเอทานอลประกอบกับคาดว่าจะมีผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลผลิตน้ำตาลส่วนเกิน สุกรราคาอยู่ที่ 76.12 – 76.86 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.28 – 2.23 เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลกินเจปี 2563 (ช่วงวันที่ 17 – 25 ตุลาคม 2563) ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งงดการบริโภคเนื้อสุกร เนื้อไก่ และไข่ไก่ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง  และกุ้งขาวแวนนาไมราคาอยู่ที่ 137.50 –  138.50 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.36 – 1.08 เนื่องจากความต้องการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และเข้าสู่เทศกาลกินเจ ประกอบกับสถานการณ์ราคากุ้งโลกยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันให้ราคากุ้งในประเทศลดลง