ก.เกษตรฯวาง 4 แนวทางเดินหน้า “พืชแห่งอนาคต” ดันไทย “เจฮับ”ผลิตอาหารเจาะตลาด 4 พันล้านคน

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                              อลงกรณ์ พลบุตร

กระทรวงเกษตรฯ สร้างโอกาสใหม่ให้เกษตรกรไทย วาง 4 แนวทาง เดินหน้าโครงการพืชแห่งอนาคตตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ยุคโควิด เร่งวางโรดแม็ปดันไทยเป็น “เจฮับ” โมเดลซิลิคอนวัลเลย์ผลิตอาหารแห่งอนาคต เจาะตลาด 4 พันล้านคน มูลค่า 5 แสนล้านบาท จับมือภาคเอกชนลุยโปรตีนทางเลือกจากพืช ชี้แนวโน้มตลาดส่งออกเนื้อจากพืช(Plant Based Meat)ในจีน อาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐและยุโรปเติบโตอย่างรวดเร็ว

     นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0แถลงวันนี้(23 ก.ย.)ว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่(First S-Curve New S-Curve)เพื่อสร้างโอกาสและศักยภาพใหม่ให้กับประเทศโดยหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่คืออาหารแห่งอนาคตซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)รับผิดชอบโครงการพืชแห่งอนาคต(Future Crop)เพื่อตอบสนองการผลิตอาหารแห่งอนาคต(Future Food)ที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกรณีของโปรตีนจากแมลงซึ่งดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารจากแมลงของโลก

    นอกจากนั้นยังมีอาหารแห่งอนาคตที่กำลังมาแรงคืออาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชผลิตเป็นอาหารที่เรียกว่า เนื้อจากพืช (Plant Based Meat)หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อของ “อาหารเจ”ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นฮับของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจะเป็นสินค้าเกษตรอาหารตัวใหม่ในการสร้างรายได้สร้างอาชีพและธุรกิจการเกษตรใหม่ๆให้กับภาคเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในยุคโควิดที่ผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะในจีน อินเดียญี่ปุ่น อาเซียน สหรัฐและยุโรปซึ่งมีประชากรกว่า4พันล้านคนต้องการอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นนับเป็นNew Normalในยุคโควิดเป็นเทรนด์การรับประทานอาหารแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

     อีกทั้ง ข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ FAO(Food and Agriculture Organization) คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของโลกเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 15 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคม หากการผลิตอาหารยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม การสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากพืชจึงเป็นหนึ่งในแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด

    สอดคล้องกับยอดขายอาหารสำเร็จรูปของเนื้อจากพืชในสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง ระหว่างปี 2013-2018 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 15.4% เทียบกับเนื้อแปรรูป (Processed Meat) ที่เติบโตเพียงปีละ 1.2% สอดคล้องกับข้อมูลของ NPD Group ผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาที่ขายเบอร์เกอร์และแซนวิชเนื้อที่ทำจากพืช ก็พบว่ายอดขายระหว่างเมษายน 2018 – มีนาคม 2019 เพิ่มขึ้นถึง 7.8% ซึ่งมากสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับบริษัท Beyond Meat หนึ่งในโรงงานผลิตเนื้อจากพืชรายใหญ่สุดของโลกก็รายงานยอดขายไตรมาส 2 ของปี 2019 เติบโตถึง 287%

    อาจกล่าวได้ว่าปี 2019 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของผลิตภัณฑ์เนื้อที่ทำจากพืช สะท้อนจากธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เช่นCarl’s Jr.ประกาศขายเบอร์เกอร์ที่ผลิตด้วยเนื้อที่ทำจากพืช ตามด้วยในเดือนเมษายน 2019 Burger King ก็ประกาศขายเบอร์เกอร์ที่ทำจากพืชเช่นกัน โดยเริ่มแรก ทดลองเพียง 59 สาขา กระทั่งวันที่ 2 พฤษภาคม 2019 Burger King ประกาศแผนวางขายเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชในทุกสาขาภายในสิ้นปี 2019 ที่ผ่านมา

    ส่วนตลาดอาหารเจในจีนที่ใช้เนื้อจากพืชกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดมีมูลค่าถึง3แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมาและถ้ารวมมูลค่าตลาดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกจะมีมูลค่าเกือบ5แสนล้านบาทไม่ว่าค่ายอาลีบาบา ของจีนหรือสตาร์บัค เคเอฟซีและเนสเลของประเทศตะวันตกต่างขยายการผลิตและการตลาดอาหารตั้งแต่ติ่มซำซาลาเปาเฝอก๊วยเตี๋ยวซูชิแกงกะหรี่จนถึงไส้กรอก ไก่ย่างและแฮมเบอร์เกอร์ที่ผลิตจากโปรตีนพืชเช่นถั่วเหลือง ถั่วลันเตา มะเขือยาว เห็ด สาหร่าย พืชสมุนไพร พืชสวนครัว น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง ข้าวโพด  ข้าวเป็นต้น

      นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ไทยมีบริษัทชื่อ “Let’s Plant Meat” เป็นผู้ผลิตเนื้อจากพืชรายแรกในประเทศไทยและได้รับรางวัลระดับทวีปเอเซียประเภทอาหารแห่งอนาคตจากโปรตีนพืชประจำปี2563 โดยมีการวางจำหน่ายแฮมเบอร์เกอร์ใช้เนื้อจากพืชในซูเปอร์มาร์เก็ตเช่นเทสโก้โลตัส แม็กแวลูและกูเมท์มาร์เก็ตโดยมีราคาถูกกว่าของอเมริกายี่ห้อ Beyond Burgerยักษ์ใหญ่ของโลกกว่าครึ่งหนึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านคุณภาพและราคาและยังมีบริษัทMeat Avatarเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของไทยรวมทั้งยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ก็ออกผลิตภัณฑ์เฟรกซิทาเรี่ยน(Flexitarians) ออกสู่ตลาด

     ยิ่งกว่านั้นบริษัทเอ็นอาร์เอฟ(NRF)ผู้ผลิตเนื้อจากพืชรายใหญ่ที่สุดของไทยได้ขยายโรงงานผลิตเนื้อจากพืชทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และกำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งแสดงว่าอาหารแห่งอนาคตจะมาพลิกโฉมตลาดอาหารของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเป็นอาหารที่ปราศจากยาปฏิชีวนะ 0% คลอเรสเตอรอล 0%และเป็นการเพิ่มปริมาณอาหารให้กับโลกซึ่งเท่ากับว่าเกษตรกรของไทยคือฮีโร่ช่วยชาวโลกในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหารจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก

    สำหรับ 4 แนวทางได้แก่ เทคโนโลยีเกษตร นวัตกรรมอาหาร ระบบทรัพย์สินทางปัญญา และนโยบายเกษตรปลอดภัยอาหารปลอดภัยเป็นหัวใจหลักในการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การแปรรูปการตลาด การสร้างธุรกิจและอุตสาหกรรม“เนื้อจากพืช” หรืออาหารเจป้อนตลาดในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

   ทั้งนี้คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกลุ่มคลัสเตอร์เกษตรอาหาร(กรกอ.) สศก. สวก.และศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์AIC(Agritech and Innovation Center) สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม หอการค้าไทยและกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมกับกลุ่มบริษัทไทยผู้ผลิตอาหารเจภายใต้โมเดลเนื้อจากพืช(Plant Based Meat)จัดทำโรดแมปตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารแห่งอนาคตหรือเรียกว่า ซิลิคอน วัลเลย์อาหารแห่งอนาคต(Silicon Valley of Future Food)

      “ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มองทุกโอกาสในวิกฤติโควิดและอาหารจากโปรตีนพืชและแมลงที่มีตลาด4พันล้านคนรออยู่คืออีกโอกาสใหม่ๆของเกษตรกรไทยในฐานะประเทศไทยเป็นครัวโลก” นายอลงกรณ์ กล่าว