กรมส่งเสริมการเกษตรปลื้ม ระบายผลไม้สำเร็จ ชี้ทุเรียนหน้าสวน กก.เป็นร้อย เดินหน้าหนุนสร้างอัตลักษณ์ทั่วไทย

  •  
  •  
  •  
  •  
กรมส่งเสริมการเกษตรปลื้ม การแก้ปัญหาที่คาดว่าผลไม้ภาคตะวันออกจะล้นตลาดแบบบูรณาการ เพื่อระจายสินค้าหลายช่องทาง ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์จนประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ จนสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ และราคาผลผลิตค่อนข้างดี อย่างทุเรียนเก็บเกี่ยวแล้วกว่า 5 แสนตัน หมอนทอง เกรด A ราคาหน้าสวนเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 104.84 บาท มังคุด 65.50 บาท แม้แต่เงาะขายหน้าสวน กก.ละเฉลี่ย 18.36 บาท “อธิบดีฯเข้มแข็ง” ประกาศพร้อมเดินหน้ายกระดับการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอัตลักษณ์และเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ ผ่านโครงการส่งเสริมการสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ภาคตะวันออกและภาคใต้ พร้อมเร่งส่งเสริมรวมกลุ่มแปลงใหญ่ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร
       นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit board) เปิดเผยว่า ผลไม้นับเป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งแต่ละปีจะสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก  มีมูลค่าการส่งออกผลไม้ปีละ 45,613 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.22 ปัจจุบันเกษตรกรมีการปลูกไม้ผล 57 ชนิด พื้นที่ประมาณ 7.7 ล้านไร่ ผลผลิตปีละประมาณ 10.81 ล้านตัน แต่ปีนี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ตรงกับฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) และภาคเหนือ (ลิ้นจี่)   หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อการบริหารจัดการผลไม้นั้น
        ดังนั้นทางกรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะเลขานุการ Fruit board ได้ร่วมกับหน่วยงานหลายภาคส่วนกำกับติดตามสถานการณ์การผลิต – การตลาดตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เพื่อช่วยกระจายผลผลิตและระบายสินค้าในหลายช่องทางทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ จนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลายสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ใกล้สิ้นสุดฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกและลิ้นจี่จากภาคเหนือแล้ว ทางคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ซึ่งเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน วางแผนการผลิตเชื่อมโยงกับแผนการตลาดล่วงหน้าที่เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายตลาดนำการผลิต
        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลไม้ภาคตะวันออกทยอยเก็บเกี่ยวใกล้หมดแล้ว ได้แก่ ทุเรียน เก็บเกี่ยวแล้ว 514,619 ตัน คิดเป็นร้อยละ 93.56 คงเหลือ 35,416 ตัน ปีนี้พันธุ์หมอนทอง เกรด A ราคาหน้าสวนเฉลี่ยอยู่ที่ 104.84 บาท/กก. มังคุด เก็บเกี่ยวแล้ว 192,479 ตัน คิดเป็นร้อยละ 90.64 คงเหลือ 19,866 ตัน เกรด A ราคาหน้าสวนเฉลี่ย 65.50 บาท/กก. เงาะ เก็บเกี่ยวแล้ว 186,787 ตัน คิดเป็นร้อยละ 88.68 คงเหลือ 23,850 ตัน พันธุ์โรงเรียน เกรดคละราคาหน้าสวนเฉลี่ย 18.36 บาท/กก. ลองกอง เก็บเกี่ยวแล้ว 9,084 ตัน คิดเป็นร้อยละ 40.40 คงเหลือ 13,400 ตัน เกรด A ราคาหน้าสวนเฉลี่ย 36.50 บาท/กก. และลิ้นจี่ ภาคเหนือเก็บเกี่ยวแล้ว 24,447 ตัน คิดเป็นร้อยละ 85.25 คงเหลือ 4,229 ตัน พันธุ์ฮงฮวย เกรด AA ราคาหน้าสวนเฉลี่ย 39.63 บาท/กก.
        ส่วนผลไม้ภาคใต้ปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตตามฤดูกาล ดังนี้ ทุเรียน 554,486 ตัน มังคุด 144,537 ตัน เงาะ 49,993 ตัน ลองกอง 49,988 ตัน และลำไย (ภาคเหนือ) 386,065 ตัน สำหรับโครงการส่งเสริมการสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ประจำถิ่น กรมส่งเสริมการเกษตรได้ริเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากเล็งเห็นว่าไม้ผลหลายชนิด เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง เงาะ ลองกอง ส้มโอ สละ จำปาดะ ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ประจำท้องถิ่นหรือที่เรียกกันว่า “อัตลักษณ์ผลไม้” มีความสำคัญทางเศรษฐกิจตามบริบทของพื้นที่ จึงทำให้เหมาะสมที่จะส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพให้มีมาตรฐาน เกิดการเพิ่มมูลค่าให้กับการสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีการพัฒนาการผลิตไม้ผลสู่ 4.0 ให้มากขึ้น
      “ขณะเราได้จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ส่งเสริมการสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับทราบเรื่องราว (Story) คุณค่า คุณประโยชน์ และแหล่งที่มาที่ถูกต้องของผลไม้ จนส่งผลให้เกิดการเพิ่มมูลค่าจากการสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ที่มีคุณภาพดี มีมาตรฐาน และสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ต่อไปในอนาคต โดยบริหารจัดการผ่านกระบวนการเกษตรแปลงใหญ่อย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิตสินค้าคุณภาพจากสวนที่ได้มาตรฐาน เตรียมพร้อมสู่มาตรฐานการส่งออก ยกระดับเกรดของสินค้าด้วยการรับรองคุณภาพ GAP การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และสื่อสารเข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภคต่างท้องถิ่น ตลอดจนให้มีการแปรรูปเพิ่มมูลค่า รวมทั้งการเชื่อมโยงตลาดกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ”    นายเข้มแข็ง กล่าว