ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนมี.ค.63 ข้าวหอมมะลิ น้ำตาลทราย ยาง ฟาล์มฯส่อสดใส

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                   สมเกียรติ กิมาวหา

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนมีนาคม 2563 ทั้งข้าวเปลือกหอมมะลิข้าวเปลือกเหนียวน้ำตาลทรายดิบยางพาราแผ่นดิบ และปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มันสำปะหลัง สุกร และกุ้งขาวแวนนาไมมีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง

     นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่13,796-13,930 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.04-1.02 ซึ่งเป็นผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความต้องการข้าวหอมมะลิมากขึ้น เพื่อสำรองไว้บริโภคในประเทศฮ่องกงข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่14,699-14,717 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.31-0.43 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งอาจส่งผลให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังลดลง น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่15.63-15.71เซนต์/ปอนด์ (10.92-10.98 บาท/กก.)เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ1.50-2.00เนื่องจากความกังวลผลผลิตน้ำตาลโลกปรับตัวลดลงจากภาวะภัยแล้งของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าผลผลิตน้ำตาล ปี 2562/63 ของไทยอาจลดลงเหลือร้อยละ 30 หรือประมาณ10 ล้านตัน (จากปีการผลิตก่อน 14.52 ล้านตัน) ในขณะที่ผลผลิตอ้อยคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 90 ล้านตัน (จากปีการผลิตก่อน 130 ล้านตัน) เป็นผลมาจากความแห้งแล้งที่รุนแรงและต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี 2562

       ยางพาราแผ่นดิบราคาอยู่ที่ 40.03-40.35บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 5.23-6.06 เนื่องจากราคาซื้อขายยางพาราในตลาดซื้อขายล่วงหน้าโตเกียว (TOCOM) เพิ่มขึ้น เพราะสต็อกยางพาราของประเทศญี่ปุ่นปรับตัวลดลงร้อยละ 3.55 และประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดกรีดยางพาราในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ทำให้ปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดลดลง และปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 5.40 -5.50 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ0.37 – 2.23 เนื่องจากความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันในประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันดีเซล B10 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายของกระทรวงพลังงานที่กำหนดให้ราคาจำหน่ายต่ำกว่าน้ำมันดีเซล B7

       ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาลดลง ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่7,898-8,031 บาท/ตันลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.13-1.81 เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังของประเทศไทยเริ่มออกสู่ตลาด ประกอบกับผลผลิตข้าวช่วงฤดูหนาวของประเทศเวียดนามออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ถึงร้อยละ 48 ของปริมาณการผลิตข้าวเวียดนามทั้งหมดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคา

     อยู่ที่ 7.55-7.62 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.00-2.00 เนื่องจากปริมาณผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกในฤดูแล้ง (เดือนมีนาคม-เมษายน) และผลกระทบจากภัยแล้งที่ยังคงส่งผลให้คุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงมันสำปะหลังราคาอยู่ที่ 1.88-1.93บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ

     0.52 – 3.09เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังลดลง โดยเฉพาะการส่งออกไปจีนที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19  สุกรราคาอยู่ที่ 67.00 – 71.00บาท/กก.ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.60 – 6.2  เนื่องจากคาดว่าภาวะการค้าภายในประเทศจะชะลอตัวลงจากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรปรับลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง  และกุ้งขาวแวนนาไมขนาด 70 ตัว/กก.ราคาอยู่ที่ 135.00 – 141.00 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.71- 4.93เนื่องจากความต้องการในประเทศยังชะลอตัวจากปัญหาไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวซบเซา และผลผลิตกุ้งของภาคใต้เริ่มออกสู่ตลาด ส่งผลให้ราคากุ้งมีแนวโน้มลดลง