กรมวิชาการเกษตร นำทีมเคลียร์พิธีการศุลกากรส่งผลไม้ไทยผ่านแดนเวียดนามไปจีน พร้อมลุยสำรวจสวนทุเรียนเวียดนาม พบคล้ายพันธุ์หมอนทองของไทย ล่าสุดผู้ประกอบการเวียดนามกำลังลุ้นเปิดตลาดทุเรียนในจีนแล้ว ชี้ได้เปรียบไทยทั้งต้นทุนการผลิต การขนส่งและราคา ย้ำไทยต้องสู้ด้วยคุณภาพการผลิตยึดหลัก GAP และ GMP รักษาตลาดใหญ่แดนมังกร
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 4- 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาได้เดินทางพร้อมด้วยนายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และผู้แทนสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) ไปหารือกับนายงูเยน เตียน อันห์ (Nguyen Tuan Anh) รองอธิบดีกรมศุลกากรเวียดนาม เกี่ยวข้อกำหนดด้านพิธีการศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกผลไม้สดผ่านเวียดนามไปยังจีนซึ่งได้รับการอธิบายว่า การขนส่งผลไม้สดผ่านแดนเวียดนามไปยังจีน จะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกักพืชของกระทรวงเกษตรเวียดนามร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งการตรวจสอบและควบคุมการนำผ่านสินค้าของศุลกากรเวียดนามสอดคล้องกับพิธีการศุลกากรว่าด้วยการผ่านแดนตามมาตรฐานสากล ดังนั้นผู้ประกอบการไทย ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดการนำผ่านสินค้าของเวียดนาม เพื่อเตรียมการสำหรับการส่งออกผลไม้ในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2563 นี้
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมหารือนายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ และ นางสุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ในประเด็นการค้าสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ไทยที่ส่งออกมายังเวียดนามและจีน และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทยในต่างประเทศและกระทรวงเกษตรฯ ในการส่งเสริมศักยภาพให้สินค้าไทยมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้นในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโต และต้องการสินค้าจากไทย ทางกระทรวงเกษตรฯ ยินดีที่จะร่วมมือทั้งในด้านวิชาการและการแลกเปลี่ยนบุคลากร
นางสาวเสริมสุข กล่าวอีกว่า จากการหารือกับหัวหน้าด่านศุลกากรจาลอ ที่เป็นด่านนำเข้าสินค้าของไทยทางบกผ่านจากประเทศลาวเข้าสู่เวียดนาม เพื่อขายในเวียดนามหรือส่งออกไปยังจีน ทำให้ทราบว่า ตั้งแต่ ปี 2561-2562 มีการนำเข้าผลไม้สดจากไทยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยการตรวจสอบสินค้าเกษตรจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงก็สามารถส่งสินค้าไปยังศูนย์กระจายสินค้าในเวียดนามได้ ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามยังไม่พบปัญหาการนำเข้าสินค้าผลไม้สดจากไทย อย่างไรก็ตาม เวียดนามขอให้ผู้ส่งออกแสดงข้อมูลให้ถูกต้องในเอกสารประกอบการส่งออก เช่นการสำแดงชนิดบรรจุภัณฑ์ในเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า โดยในปี 2562 เวียดนามมีการนำเข้าผลไม้สดจากไทยเช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด ขนุน ประมาณ 550,000 ตัน สำหรับการนำผ่านผลไม้จากไทยไปจีนในปี 2562 มีจำนวนประมาณ 470,000 ตัน
ในโอกาสนี้ยังได้เยี่ยมชมการปลูกทุเรียนในพื้นที่จังหวัดด่งหนาย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนทางตอนใต้ของเวียดนาม และทราบข้อมูลว่าในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบมาตรฐานการผลิตและขยายพื้นที่การปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีนโยบายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการคัดบรรจุ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกในอนาคต ซึ่งหากพิจารณาจากเส้นทางการขนส่งไปจีนจะเห็นว่า เวียดนามมีความได้เปรียบโดยเฉพาะเส้นทางการขนส่งทางบกไปยังเมืองที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำคัญในมณฑลกวางซีของจีน
“ทุเรียนพันธุ์ที่เวียดนามปลูกมีลักษณะคล้ายกับพันธุ์หมอนทองของไทย และถึงแม้ว่าปัจจุบันเวียดนามจะยังไม่สามารถส่งทุเรียนผลสดไปจีนได้ แต่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขอเปิดตลาดกับจีน หากเวียดนามสามารถส่งออกทุเรียนผลสดไปจีนได้ จะมีข้อได้เปรียบทั้งต้นทุนการผลิต การขนส่ง และราคา จึงเป็นสัญญาณเตือนมายังไทยในฐานะผู้ผลิตทุเรียนผลสดส่งออกไปจีนได้เพียงรายเดียวในปัจจุบัน ต้องรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดโดยการควบคุมการผลิตตามมาตรฐาน GAP เพื่อการส่งออกให้ได้ทุเรียนคุณภาพดี ไม่ตัดทุเรียนอ่อน และควบคุมคุณภาพการคัดในโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐาน GMP เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขภายใต้พิธีสารระหว่างไทย-จีน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชอย่างเคร่งครัด เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อทุเรียนไทย” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว