ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ข้าว ยางพารา ปาล์มฯ หมู แนวโน้มดีขึ้น

  •  
  •  
  •  
  •  

สมเกียรติ กิมาวหา

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ยางพาราแผ่นดิบ ปาล์มน้ำมัน และสุกร มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง กุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง

       นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมธ.ก.ส. คาดการณ์ ราคาสินค้าเกษตรในช่วงเดือนกุมภาพันธ์2563ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15%ราคาอยู่ที่ 7,764-8,466 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.52-9.61เนื่องจากภาวะภัยแล้งทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในการผลิตข้าวนาปรังรอบแรกและรอบที่สอง ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปรังทั้งปี อยู่ที่ 4.814 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงมากถึงร้อยละ 32.86 เมื่อเทียบกับปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 13,790-13,939 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ0.09-1.18

     เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2562 ทำให้ไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด ประกอบกับภาวะภัยแล้งส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดความกังวลในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมีการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวราคาอยู่ที่14,269-14,705 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.87-3.96 เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอต่อการบริโภคและส่งออก อีกทั้งภาวะภัยแล้งทำให้ข้าวเปลือกเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง

         ยางพาราแผ่นดิบราคาอยู่ที่ 39.36-39.45 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.37-1.57 เนื่องจากภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นความต้องการใช้ยางพารา เพื่อยกระดับราคายางพาราให้สูงขึ้น โดยมีเป้าหมายใช้ทำถนนและแปรรูปเป็นสินค้า อาทิ หมอน ถุงมือ และรองเท้า รวมทั้งมีการส่งมอบหมอนยางพาราให้กับประเทศตุรกีปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 6.80-7.00 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.76 – 7.36 เนื่องจากความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันในประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B10 และสุกรราคาอยู่ที่ 69.00 – 75.00 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.69 – 11.62เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้สุกรเติบโตช้า ปริมาณสุกรในตลาดจึงลดลง ประกอบกับการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวจากความต้องการของประเทศเพื่อนบ้านที่ขาดแคลนสุกรจากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกา (ASF)

          ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาลดลง ได้แก่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5%ราคาอยู่ที่7.70-7.78 บาท/กก.ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-1.50 เนื่องจากภัยแล้งส่งผลให้คุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง ขณะที่โรงงานอาหารสัตว์ได้วางแผนสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และนำเข้าวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อรองรับช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย จึงทำให้ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่ 14.32-14.40 เซนต์/ปอนด์ (9.78-9.83 บาท/กก.)ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.00-1.50 เนื่องจาก

      สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและอิหร่านเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ทำให้บราซิลซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ มีแนวโน้มปรับลดสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับลดลงมันสำปะหลังราคาอยู่ที่1.90-1.95 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.51 – 3.06 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ประกอบกับการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังลดลง โดยเฉพาะการส่งออกไปจีนได้รับผลกระทบระยะสั้นจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาและกุ้งขาวแวนนาไมขนาด 70 ตัว/กก. ราคาอยู่ที่140.00 – 147.00 บาท/กก.ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนร้อยละ 0.65 – 5.40 เนื่องจากผลผลิตกุ้งทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้กุ้งไทยสูญเสียโอกาสด้านการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ส่งผลกระทบให้การส่งออกลดลง