“อลงกรณ์”ขายฝันเกษตรไทยต้องมีรายได้คนละ 4.5 แสนต่อปี

  •  
  •  
  •  
  •  

“อลงกรณ์ พลบุตร” วาดฝันภาคเกษตรไทยเกษตรกรต้องมีรายได้ปีละ 450,000 บาทต่อคนหรือเพิ่ม 3 เท่าภายในไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า อวดภายใน 6 เดือนต้องการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแน่นอน  ชูโมเดล “เกษตรโอลิมปิก” เน้น 5 นโยบายหลักในการขับเคลื่อน เพื่อยะระดับภาคการเกษตรที่ยั่งยืน

      นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษบนเวทีสัมมนา Business Today Forum ‘ทรานส์ฟอร์มเกษตรไทย ฝ่าคลื่นดิสรัปต์ เกษตรอัจฉริยะ ด้วย Big Data”  หัวข้อ “AgriTech สู่มิติเกษตรอัจฉริยะ” จัดโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์  Business Today ที่ศูนย์การสามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีรายได้เพียง 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งถือเป็นรายได้ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับการเป็นประเทศผู้นำด้านการเกษตร จึงจำเป็นต้องสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างน้อย 3 เท่า โดยรายได้ต้องไปถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 450,000 บาทต่อคนต่อปี ภายในไม่เกิน 20 ปี แต่ในยุคดิสรัปชันสามารถทำให้เกิดขึ้นเร็วกว่านั้นได้ โดยกระทรวงเกษตรฯ จะไม่ใช้นโยบายแบบเดิมอีกต่อไป

       “เราต้องวางแนวคิดอย่างเป็นระบบ ต้องยกระดับการพัฒนาภาคเกษตร และเพิ่มรายได้เกษตรกร ที่เป็นฐานรากสำคัญของประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯได้กำหนดภายใน 6 เดือนตั้งเดือนสิงหาคม 2562 ถึงเดือนมกราคม 2563  ทุกคนจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ของกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นกระทรวงที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนา และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก เราตั้งเป้าหมายการปฏิรูปภาคเกษตรไทย ให้เป็นแชมป์โอลิมปิกเกษตรให้ได้” นายอลงกรณ์ กล่าว

        ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวอีกว่า ที่จริงประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ จะสามารยกระดับประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่กว่าที่ใครคิด และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่นเดียวกับภาคการเกษตร เมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะทำให้ภาคเกษตรของไทยก้าวหน้าไปสู่เกษตร 4.0  จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำพาภาคเกษตรก้าวข้ามระบบแอนะล็อก ไปสู่ระบบดิจิทัลให้ได้ แต่การที่ภาคการเกษตรไทยจะก้าวสู่มิติใหม่ หรือยุคดิจิทัลได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงแนวความคิดครั้งใหญ่  โดยจะใช้โมเดล เกษตรโอลิมปิก ซึ่งมี 5 นโยบายหลักในการขับเคลื่อน ประกอบด้วย

      1.นโยบายเทคโนโลยีเกษตร จะช่วยยกระดับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใน 6 เดือน ด้วยการสร้างบิ๊กดาต้า ฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นจะต้องนำไปใช้ภาคเกษตรกรได้จริง ,2.ตลาดนำการผลิต ต้องดูว่าตลาดมีขนาดใหญ่แค่ไหน สินค้าและราคาค้าปลีกในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไรเลือกตลาดที่ถูกกับผลิตภัณฑ์ ลดผลิตสินค้าที่ล้นตลาด หันมาผลิตสินค้าที่ยังขาดดุลการค้า ,3.การประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นหลักคิดที่ดีในภาวะเศรษฐกิจผันผวน ที่ผ่านมา เกษตรกรยังเป็นหนี้จากราคาพืชผลตกต่ำ แต่ถ้ามีการประกันรายได้พืชเกษตร 5 ชนิด จะทำให้เกษตรกรมีกำไรจากการขายผลผลิต และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรด้วย,4.เกษตรปลอดภัย จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคเกษตรของไทย ที่สำคัญ คือ การทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักธรรมชาติและเศรษฐกิจพอเพียง, และ5.เศรษฐกิจการเกษตร ภาคเกษตรจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยมีการบริหารจัดการภายในฟาร์มต่าง ๆ ที่ทันสมัย อาทิ สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ เพื่อช่วยยกระดับภาคเกษตรไทยให้ยั่งยืน