กรมส่งเสริมการเกษตร อวดความสำเร็จในดำเนินการแปลงใหญ่ เปิด “ดาวดวงใหม่ ผลไม้แปลงใหญ่ โกอินเตอร์” ชูสับปะรดกินผลสด มะขามหวาน มะพร้าวน้ำหอม เป็นสินค้าเกษตรที่มีอนาคต และมีแนวโน้มสดใสในตลาดต่างแดน อธิบดีกรมฯ แนะเกษตรกรให้รวมกลุ่ม และทำแผนการผลิตครบวงจร
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยภายหลังการจัดงาน Meet the Press ครั้งที่ 1 “เปิดดาวดวงใหม่ ผลไม้แปลงใหญ่ โกอินเตอร์” เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมการเกษตร ว่า โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ปัจจุบันมีการผลิตสินค้าเกษตรกว่า 70 ชนิด ที่ปลูกในแปลงใหญ่ จำนวน 5,518 แปลง รวมพื้นที่ 5,542,805 ไร่ มีเกษตรกรร่วมโครงการ 334,969 ครัวเรือน ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในการผลิตสินค้าเกษตรแปลงใหญ่ กว่า 22,000 ล้านบาท เกิดเครือข่าย การบริหารจัดการร่วมกัน โดยมีภาครัฐเป็นพี่เลี้ยงดูแลให้เกษตรกร สามารถดำเนินการผลิต มีแผนการผลิต
ที่สำคัญปัจจุบันทุกสินค้ามีตลาดรองรับ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งต้องผ่านโรงงานแปรรูป ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง โดยผลผลิตจากแปลงใหญ่ จะได้ราคาสูงกว่าเกษตรกรรายย่อยทั่วไป เนื่องจากคุณภาพและปริมาณที่ภาคอุตสาหกรรมมั่นใจได้ รวมทั้งสินค้าอื่นๆ เช่น ผัก ผลไม้ ยังมีการเชื่อมโยงกับ modern trade ต่างๆ เช่น Tesco Lotus, Tops โดยเฉพาะผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญ นอกจากขายตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังมีผลไม้ดาวเด่นอีกหลายชนิดที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น สับปะรดผลสด มะพร้าวน้ำหอม และมะขามหวาน ที่มีศักยภาพสูงที่จะส่งออก
นายสำราญ กล่าวอีกว่า ในการจัดงานในครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึง การส่งเสริมการเกษตรของสินค้าดาวเด่น 3 ชนิด ได้แก่ สับปะรดผลสด มะขามหวาน และมะพร้าว ว่าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ รวมทั้ง บริษัท ไปรษณีย์ไทย ที่มาช่วยแนะนำในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และหาตลาดอย่างไร นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณปภาวี สุทธาวิวัฒน์ ผู้แทนจากภาคเอกชนในการส่งออกผลไม้ และว่าที่ร้อยตรี พิทักษ์ พึ่งพเดช เจ้าของแบรนด์ “เดี่ยว บ้านแพ้ว” เกษตรกรแปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอมที่มาร่วมให้ข้อแนะนำในการผลิตสินค้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และเกษตรกร เข้าใจและตระหนักถึงการรักษาคุณภาพ ให้ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งแนะวิธีการในการผลิตเพื่อการส่งออก ทำอย่างไรสินค้าเกษตรถึงจะไปสู่ตลาดโลกได้
“ปัจจุบัน สับปะรดผลสด เข้าสู่ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 35 แปลง มีเกษตรกร เข้าร่วม 1,622 ครัวเรือน พื้นที่ 32,729 ไร่ มีจังหวัดที่ดำเนินการ 15 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี ชัยภูมิ เชียงราย นครพนม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง ราชบุรี ลำปาง เลย หนองคาย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ส่วนมะขามหวาน เข้าสู่ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 16 แปลง เกษตรกรเข้าร่วม 901 ราย พื้นที่ 16,791 ไร่ จังหวัดที่ดำเนินการ 5 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา น่าน อุตรดิตถ์ ชัยภูมิ ขณะที่มะพร้าวน้ำหอม เข้าสู่ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 11 แปลง เกษตรกรเข้าร่วม 401 ราย พื้นที่ 5,135 ไร่ จังหวัดที่ดำเนินการ 4 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร”
ด้าน คุณปภาวี สุทธาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวิฟท์ จำกัด ผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ของไทย กล่าวว่า ผลไม้ทั้ง 3 ชนิด ไม่ว่าสับปะรดผลสด มะพร้าวน้ำหอม และมะขามหวาน ยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะสับปะรดนั้นมีทั้งตลาดจีน ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันฟิลิปปิ่นส์ จะเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ เนื่องจากสับปะรดของฟิลิปปิ่นได้มาตรฐานตามตลาดต้องการคือผลโตผลละกว่า 2 กก. แต่สับปะรดของไทยเฉลี่ยที่ผลละ 1.5 กก.และที่สำคัญอย่างหนึ่งของสับปะรดไทยที่มักจะพบคือเมื่อเวลาขนส่งทางเรือเป็นเกินอาทิตย์จะมีปัญหาเรื่องของไส้ดำ ตรงนี้ต้องหาแนวทางแก้ปัญหาจุดนี้ให้ได้
ขณะที่ ดร.ดาเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝากบอกว่า สับปะรดนั้นแต่ละประเทศมีความต้องการแตกต่างกันตามความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศนั่น อย่างในโซนของเอเซียนอย่างไทย มาเลเซีย จีนจะนิยมที่มีรสชาตหวาน ส่วนญี่ปุ่นจะเน้นที่เปรี้ยวอมหวาน คือหวานจะนำ ในขณะที่ตลาดตะวีนออกหรือยุโรป ชอบเปรี้ยวอมหวาน คือให้รสเปรี้ยวนำกว่าเป็นต้น
สำหรับการจัดงานเปิดตัว นอกจากจะมีการเสวนาหัวข้อ “ดาวดวงใหม่ ผลไม้แปลงใหญ่ โกอินเตอร์” ยังมีการจัดนิทรรศการของผลไม้ทั้งสับปะรดผลสด-มะขามหวาน-มะพร้าวน้ำหอม แล้วในบูธของสับปะรดนั้น มีการนำสับปะรดที่กินผลสดที่ตลาดโลกต้องการมาให้ชิมด้วยไม่ว่าจะเป็น MD2 ,ภูชวา,ภูแล,นางแล สับปะรดระยอง,ห้วยมุ่น , และภูเก็ตเป็นต้น งานนี้ทั้งอธิบดี รองอธิบดี ผู้ประกอบการส่งออกและผู้มาร่วมงานตลอดสื่อมวลชนได้ชิมกันอย่างทั่วหน้าอีกด้วย (ดูในคลิป)