บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จัดพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมื อด้านความยั่งยืนทางธุรกิจ ในเรื่องการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิ งอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันปรุ งอาหารใช้แล้ว ระหว่าง นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารกลุ่มบริษั ทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ และ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ โดยมี นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่ อสารองค์กร บริษัท บางจากฯ และ นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานกิ จการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ ลงนามเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารบางจากฯ ซีพีเอฟ และบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ร่วมงาน ณ อาคาร ซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม
ภายใต้ความร่วมมือนี้ บางจากฯ และซีพีเอฟ จะร่วมกันบริหารจัดการการน้ำมั นปรุงอาหารใช้แล้ว รวมถึงไขมันต่าง ๆ จากธุรกิจผลิตอาหารและไขมั นจากบ่อบำบัดน้ำเสียของซีพี เอฟและบริษัทในเครือ เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิ งอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) โดยบีเอสจีเอฟ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จั ดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า ขอบคุณ ซีพีเอฟ ซึ่งเป็นครัวไทยรายใหญ่ที่สุ ดรายหนึ่งในประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิต SAF พลังงานแห่งอนาคต นอกจากจะเป็นการสร้างเศรษฐกิ จตามแนวทาง BCG แล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่ ครอบคลุมด้าน ESG ซึ่งถือเป็นแกนหลักของความยั่ งยืนในปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริ มในด้านการดำเนินธุรกิจ แต่ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่ งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ ทั้งสองบริษัทสามารถขับเคลื่ อนการเปลี่ยนแปลงในเชิ งบวกและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้
ความร่วมมือระหว่างบางจากฯ และซีพีเอฟในครั้งนี้ ช่วยสร้างประโยชน์ในหลายมิติ นอกจากการเพิ่มมูลค่าให้กั บของเสียจากกระบวนการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวี ยนที่สมบูรณ์แบบ ยังส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่ งแวดล้อมและสุขภาพ ผ่านการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ วจากร้านอาหารในเครือซีพีเอฟ เช่น เชสเตอร์,ห้าดาว กระทะเหล็ก ข้าวมันไก่ ไห่หนาน ฯลฯ เข้าร่วมโครงการ “ไม่ทอดซ้ำ” และ “ทอดไม่ทิ้ง” ซึ่งเป็นโครงการที่บีเอสจี เอฟร่วมดำเนินการกับพันธมิตรหลั กผู้ริเริ่มโครงการ คือ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่ ปี 2565
โดยมีเป้าหมายในการร่วมกั นขยายเครือข่ายผู้ประกอบการที่ มีความตระหนักในการเป็นส่วนหนึ่ งของสังคมในการดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี ให้คนไทย ปัจจุบันมีหน่วยงานภาคราชการ เอกชน และผู้ประกอบการ ให้ความสนใจเข้าร่ วมโครงการและส่งต่อน้ำมันปรุ งอาหารเพื่อผลิต SAF มากกว่า 800 จุดทั่วประเทศ ซึ่งการแปรรูปน้ำมันปรุ งอาหารใช้แล้วเป็น SAF จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิ นให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้ อมมากขึ้น ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบิ นแบบดั้งเดิม ช่วยตอบโจทย์การแก้ไขวิ กฤตสภาวะภูมิอากาศ
ด้าน นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริ หาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟมุ่งมั่นนำนวัตกรรมมาพั ฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่ อกายและดีต่อใจ ขณะที่บางจากฯ มีนวัตกรรมที่สามารถนำน้ำมันปรุ งอาหารที่ใช้แล้ วจากกระบวนการผลิต เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิ งอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ ค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ ประโยชน์อย่างสูงสุด ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิด Sustainovation ของซีพีเอฟที่นำนวัตกรรมมาช่ วยตอบโจทย์ความมั่ นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่ งยืน จึงเกิดความร่วมมือในครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำ มันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil : UCO) รวมถึงไขมันต่าง ๆ จากธุรกิจผลิตอาหาร และไขมันจากบ่อบำบัดน้ำเสี ยของซีพีเอฟ นำไปผลิตน้ำมัน SAF นอกจากนี้ ยังมีแนวการศึกษาที่อาจมี การขยายผลไปยังธุรกิจของกลุ่มซี พีเอฟในต่างประเทศในอนาคต
“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่ อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่ างยั่งยืนของทั้งสองบริษัท และถือเป็นหนึ่งในการดำเนิ นการด้านการรับมือกับการเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ climate action โดยการบริหารการลดของเสี ยจากกระบวนการผลิตที่จะมี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสั งคมให้มีมูลค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่ างครบวงจร หรือ Circular Economy”
สำหรับความคืบหน้าของการเตรี ยมเดินเครื่องหน่วยผลิต SAF ของบีเอสจีเอฟ ในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำลังดำเนิ นการตามแผนไปประมาณกว่า 70% ณ ปัจจุบัน และจะเริ่มผลิตในช่วงต้ นไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน.