ชีวะภาพ ชีวะธรรม
คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติฯ วุฒิสภา เร่งหาทางออกปมขนย้ายแร่ตะกั่วจากกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหามาตรการที่สามารถให้เขาขนย้ายได้ โดยใช้หลักความเห็นอกเห็นใจ เพื่อลดการฟ้องร้องระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน แต่ต้องตรวจสอบติดตามเพื่อควบคุมไม่ให้สารตะกั่วรั่วไหลอย่างใกล้ชิด
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมพิจารณากรณีการขนย้ายแร่ของกลางจากห้วยคิลตี้ผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ว่า ที่ผ่านมามีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้ประมูลแร่ของกลางและเสียค่าภาคหลวงไปเกือบ 6 ล้านบาท แต่ไม่สามารถขนย้ายแร่ตะกั่วคาร์บอเนตจำนวน 3,510 เมตริกตันออกมาได้ ด้วยความกังวลเรื่องสารตะกั่วรั่วไหล แต่สุดท้ายแร่กลับถูกขโมยออกไปทางประเทศเพื่อนบ้าน
คณะกรรมาธิการฯ จึงได้เชิญผู้แทนจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช, กรมควบคุมมลพิษ, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี เข้าชี้แจงข้อมูลและรับฟังข้อเสนอแนะ
โดยผู้แทนจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี รายงานว่า เมื่อปี 2539 นายชาญ ซึงพานิช เป็นผู้ประมูลได้แร่ตะกั่วคาร์บอเนตจำนวน 5,275 เมตริกตัน ที่ยึดได้จากการทำเหมืองแร่เถื่อน บริเวณบ้านปรองดี้ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งที่ผ่านมาทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้อนุญาตให้ขนย้ายออกไปแล้วจำนวน 1,765 เมตริกตัน คงเหลือในพื้นที่จำนวน 3,510 เมตริกตัน ต่อมาในปี 2553 นายชาญ ได้รับใบอนุญาตมีแร่ไว้ในครอบครองและได้ขออนุญาตครอบครองแร่ทุกปีจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งได้ชำระค่าภาคหลวงครบแล้วเมื่อปี 2561 ขณะเดียวกันตั้งปี 2553 จนถึงปัจจุบันสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรียังไม่เคยมีการอนุญาตให้ขายหรือขนแร่
ด้านผู้แทนจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า เหมืองแร่ดังกล่าว ตั้งอยู่ก่อนมีประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในปี 2517 กระทั่งการสัมปทานสิ้นสุดลง ไม่มีการทำเหมืองแร่แล้ว แต่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้ถูกผนวกเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ส่วนแร่ของกลางปัจจุบันเริ่มกลมกลืนกับธรรมชาติ มีต้นไม้ปกคลุมและมีหญ้าขึ้น ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับพื้นที่ชุมชน โดยที่ผ่านมา นายชาญได้ขออนุญาตขนแร่ผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรีผ่านไปยังหมู่บ้านคิลตี้ แต่ไม่มีแผนและมาตรการควบคุมความปลอดภัยระหว่างการขนย้าย
นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางจัดการแร่ของกลาง เนื่องจากกองแร่ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนและแหล่งน้ำสำคัญ 2 แห่ง หากจะปล่อยไว้ตรงนั้นต้องมีมาตรการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่อยู่รอบๆกองแร่ ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ครอบครองแร่ที่ต้องการขนย้าย เพราะเขาต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาจ่ายให้รัฐเกือบ 6 ล้านบาท จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหามาตรการที่สามารถให้เขาขนย้ายได้ โดยใช้หลักความเห็นอกเห็นใจ เพื่อลดการฟ้องร้องระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน แต่จะต้องตรวจสอบติดตามเพื่อควบคุมไม่ให้สารตะกั่วรั่วไหล
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอว่าอยากให้มีการผนวกพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่ดังกล่าวเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และผลักดันให้กลับมาอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าแห่งชาติและพันธุ์พืช.