ผลิกสวนส้มมาปลูก “ไผ่เลี้ยงหวานพันธุ์เบา” 200 ไร่ ทำเงินวันละกว่า 2 หมื่น

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…ดลมนัส กาเจ

“การปลูกไผ่สำคัญที่ตลาด ปลูกไม่ยาก ของที่ผมคนรู้จักแล้ว ขายหน้าบ้านนี่แหละ มีลูกค้าประจำมารับ ลูกค้าจรก็มี  ขายกันราคาถูกสุด กก.ละ 25 บาท สูงสุด 50 บาท อย่าง ณ ปัจจุบันที่ขายอยู่ที่ราคา กก.ละ 32 บาท ถ้าปลูกในพื้นที่ 1 ไร่จะได้หน่อไม้วันละ 8-17 กก. เฉลี่ยเลขกลมๆแล้วเกษตรกรจะมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่าวันละ 100 บาท/ไร่”

ย้อนไป 20 ปีก่อน เมื่อครั้งเกิดวิกฤตส้มทุ่งรังสิตที่เกิดจากการระบาดของโรคกรีนนิ่ง หรือหรือโรคใบเหลืองต้นโทรมระบาดในพืชตระกูลส้ม รวมถึงส้มเขียวหวานในทุ่งรังสิต ทำให้ชาวสวนส้มในทุ่งรัวสิตจำนวนไม่น้อยที่ใช้ยังใช้หนี้ไม่หมด ตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว กลุ่มผู้มีสายพานยาวย้ายถิ่นไปหาที่ปลูกใหม่ ส่วนใหญ่จะไปทางภาคเหนือโดยเฉพาะสุโขทัย พิษณุโลก บางส่วนไปถึงเชียงใหม่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังปักถิ่นเดิมหาพืชอย่างอื่นมาทดแทน อย่าง “คุณบารมี วรานนท์วนิช” เจ้าของ “สวนไผ่บารมี” ที่ อ.หนองแค จ.สระบรี เขาตัดสินใจรวมกลุ่มปลูก “ไผ่เลี้ยงหวาน” เลือกสายพันธุ์เบา จนวันเวลาผ่านไป 14 ปี คนอื่นล้มเลิกไปหมดแล้วที่เขายังปักหลักสู้ถึงวันนี้ เขาสามารถผลิตหน่อไม้ขายหน้าบ้านมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท

บารมี เล่าว่า อ.หนองแค จ.สระบุรี ก็เป็นส่วนหนึ่งของทุ่งรังสิตเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกส้มเขียวหวานรังสิต เขาเองก็ปลูกไปกว่า 200 ไร่ ต่อมาราว 20 ปีก่อนเกิดระบาดในส้ม มีอาการลักษณะใบเหลืองต้นโทรม หรือโรคกรีนนิ่ง สร้างความเสียหายอย่างนักถึงขนาดทุน จยชาวสวนเลิกปลูกส้ม ปลูกพืชอย่างอื่นแทนทั้งกณุโลก  พอดีในราวปี 2548 กระแสเรื่อง “ไผ่เศรษฐกิจ” มาแรงชนิดที่ฟีเว่อร์มาก ๆ จึงได้นำมาสู่การเป็นทางเลือกใหม่ของทุ่งรังสิตแห่งนี้ เพื่อที่จะทดแทนส้ม เกษตรกรส่วนหนึ่งมีการรวมกลุ่มอย่างจริงจังกว่า 30 ราย ปลูกในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ เพื่อผลิตหน่อไม้ ขาย ทำให้ต่างคนต่างเสาะแสวงหาพันธุ์ดีมาปลูกเน้นขายหน่อไม้สด กระทั่งปี 2551 ล้มเลิกกันไปราว 80% เพราะขาดประสบการณ์ด้านการผลิต

“คนอื่นเลิกผมก็ยังสู้ ปลูกจนเหลือเจ้าเดียว 200 ไร่ และเปลี่ยนรูปแบบเป็นไปตามตลาดต้องการคือความต้องการของตลาดจะเปลี่ยนเป็นรุ่น ๆ อย่างปีนึงความต้องการของตลาดเปลี่ยนเป็น 3 รุ่น เริ่มจากการขายสดก่อน พอขายหน่อสดเสร็จก็จะเปลี่ยนมาขายแปรรูปคือต้มบรรรจุถุง ถุงละ 5 กก.พอผ่านกระบวนการขายต้มก็จะมาเป็น กระบวนการขายปี๊บ 20 กก. เราสามารถขายได้ทั้งปี คนอื่นไปขายที่ตลาดไท แต่ผมขายหน้าบ้าน ผมทำอย่างนี้มา 14 ปีแล้ว ” บารมี กล่าว

เขา บอกว่า ปลูกไผ่ง่ายปลูกครั้งเดียวเก็บหน่อไม่ได้ตลอดไปตั้งแต่อายุไม่ถึงปีก็เก็บได้แล้วคือช่วงนี้ตั้งเดือนพฤศจิกา-กุมภาพันธ์ขายสด พอมีนาคม-มิถุนายน ขายต้ม จากนั้นกรกฎาคม-ตุลาคม ขายปี๊บเพราะช่วงนี้หน่อไม้ป่าเยอะต่างคนต่างออกก็ขาย เขาต้องเก็บมาดองไว้ เสร็จแล้วพอช่วงหมดฤดูกาล จึงปล่อยหน่อไม้ปี๊บออกไป  ปัจจุบันสวนไผ่บารมีถือได้ว่าเป็น 1 เดียวที่ยังคงเดินหน้าในการทำสวนไผ่ต่อเนื่องมา บนพื้นที่ผลิตรวมกันกว่า 200 ไร่ โดยแบ่งเป็นแปลงย่อย ๆ 7 แปลงที่กระจายไปในรัศมี 5 กม.ครอบคลุมในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี แต่แปลงที่อายุแก่สุดคือ 14 ปี และแปลงอายุน้อยสุดคือปลูกได้ประมาณ6 เดือนแล้ว

“การปลูกไผ่สำคัญที่ตลาด ปลูกไม่ยาก ของที่ผมคนรู้จักแล้ว ขายหน้าบ้านนี่แหละ มีลูกค้าประจำมารับ ลูกค้าจรก็มี  ขายกันราคาถูกสุด กก.ละ 25 บาท สูงสุด 50 บาท อย่าง ณ ปัจจุบันที่ขายอยู่ที่ราคา กก.ละ 32 บาท ถ้าปลูกในพื้นที่ 1 ไร่จะได้หน่อไม้วันละ 8-17 กก. เฉลี่ยเลขกลมๆแล้วเกษตรกรจะมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่าวันละ 100 บาท/ไร่ ของผมแปรรูเองได้มากกว่านั้น ตอนนี้มี 200 ไร่มีรายให้ครอบครัวและคนงานได้ในระดับหนึ่ง” เขา กล่าว

เจ้าของสวนไผ่บารมี บอกถึงการวิธีต้มหน่อไม้ด้วยว่า ใช้เวลาต้มนานประมาณ 40-45 นาทีความร้อน 100 องศา 1 เตาจะต้มหน่อไม้ได้ทีละ 500 กก. ปัจจุบันมี 2 เตาก็เท่ากับต้มได้ 1 ตัน/รอบ พอสุกหรือครบตามเวลากำหนดแล้วก็จะเอาหน่อไม้ที่ต้มขึ้นมาแล้วนำไปแช่เย็นเพื่อจะให้เปลือกเย็นตัวลงก่อน หลังจากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปอกเปลือกและบรรจุลงถุง ๆ ละ 5 กก. ตามออร์เดอของแม่ค้าที่จะเข้ามารับ ซึ่งการต้มหน่อไม้ให้มีรสชาติที่อร่อยตรงตามตลาดต้องการ สำคัญคือต้องใช้ไฟในการต้มให้แรงเข้าไว้ อย่างน้อยต้องได้ 100 องศาขึ้นไป จึงจะทำให้หน่อไม้ต้มสุกอย่างทั่วถึง ข้อไม่แข็ง รสไม่ขมกินได้ทั้งหมดอร่อย ที่ตลาดต้องการ

ส่วนข้อดีของไผ่เลี้ยงหวานพันธุ์เบาปลูกได้ 3-4 เดือนไปแล้วจะให้หน่อเก็บขายได้เรื่อยไปอย่างไม่ต้องมีการเว้นระยะเก็บหน่อได้ทุกวัน  เพีนงดูแลคือใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ไร่ละประมาณ 5 กก.เฉลี่ยทั้งปี ใน 1 ไร่จะใช้ปุ๋ย 60 กก.(รายละเอียดในคลิป)

สนใจอาชีพทสวนไผ่กินหน่อสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่ “สวนไผ่บารมี” อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โทร.086-031-3173 ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมออกตระเวรทำข่าวของชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มอีไทย