“นิพนธ์” แนะใช้ประโยชน์จากงาน ” MONEY EXPO HATYAI 2022″ ให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าถึงถึงแหล่งเงินทุก ประกาศเดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีในพื้นที่ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้หลังเปิดประเทศ เร่งผลิตสินค้าเกษตร- ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น-อาหารสู่สาธารณชน และรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อบ้านที่เริ่มคึกตักขึ้นมาบ้างแล้ว เผยตัวเลข 10 ปีที่ผ่านมา มียอดทำธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างกว่า 1.2 แสนล้านบาท
วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่12 MONEY EXPO HATYAI 2022 ณ หาดใหญ่ฮอลล์ เซ็นทรัลหาดใหญ่ เฟสติวัล จ.สงขลา โดยมีนางสุรีย์พรรณ์ ณ สงขลา รองผวจ.สงขลา น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน และหอการค้าจังหวัดสงขลา ร่วมในพิธีเปิดฯ ภายใต้แนวคิด “Wealth to Wellness”
นายนิพนธ์ กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้ ถือว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจในภาคใต้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญก็คือการสร้างโอกาสให้ประชาชนและผู้บริโภคในภาคใต้ได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน และแหล่งลงทุนที่หลากหลายร่วมกันซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจภาคใต้และของประเทศสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ รวมทั้งการให้ความรู้ทางการเงินต่อผู้เข้าชมงาน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชน สามารถวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินของตนเอง และของครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญเป็นพิเศษก็คือ จะเป็นโอกาสสำคัญของ SME Micro-SME และเกษตรกรที่รวมกลุ่มกัน ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ซึ่งถือเป็นฐานรากสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ จะได้ใช้งาน Money Expo นี้เป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนที่มีความหลากหลาย เพื่อนำไปสู่การขยายกิจการและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
สุดท้ายก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจ ในหาดใหญ่ ในภาคใต้ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญก็คือส่งผลต่อการกระจายรายได้ กระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของภาคใต้ และจะมีผลกระจายไปยังระบบเศรษฐกิจทั้งระบบของประเทศไทยสอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด – 19 จากภาวะที่เราเจอพิษเศรษฐกิจมา 3 ปี ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นช่วงที่ยากลำบาก รัฐบาลเองก็ยากลำบากในฐานะทางการคลัง ที่ต้องกู้ยืมเงินมาใช้จ่าย เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดังนั้นวันนี้จึงเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่ง ที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเฉพาะในภาคใต้ตอนล่าง ได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า และยังเป็นช่วงจังหวะดีที่เราเริ่มฟื้นตัวมาจากสถานการณ์การท่องเที่ยว เราเริ่มมีเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์เข้ามามากขึ้น มีสินค้าเกษตรที่ไม่ว่าจะเป็นยางพาราราคาอยู่ในเกรณ์ดี กก.ละกว่า 50 บาท ปาล์มน้ำมันอยู่ในภาวะที่ราคาดีเลิศ กก.ละกว่า 10 บาทเกินราคาที่รัฐบาลประกัน ตรงนี้มีตัวชี้วัดที่ว่า ถ้าราคาสินค้าเกษตรดี การค้าการขายในตลาดก็จะดีไปด้วย จนทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีได้ในที่สุด
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ถึงเลาที่จะต้องช่วยกันกระตุ้นให้เอสเอ็มอีกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะคนหนุ่มรุ่นใหม่ๆ ที่จะนำธุรกิจใหม่ๆ แบบหนึ่งที่ว่าเป็นของดีเมืองหาดใหญ่ที่ยังมีอีกมาก แต่จะทำอย่างไรที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการที่จะนำสินค้าจากพื้นที่นี้ไปจำหน่ายให้กว้างขวางขึ้น อันนี้จึงเป็นรูปแบบหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องเข้ามาขับเคลื่อน ทำของดีหาดใหญ่ให้ออกสู่สาธารณชน และเพิ่มมูลค่าทางการค้าการขายให้มากขึ้น
“วันนี้จึงเป็นการเปิดโอกาส ให้คนรุ่นใหม่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ครอบครัวตนเองแต่เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ให้คนที่คิดค้นธุรกิจใหม่ๆมาพบแหล่งเงินทุน ซึ่งถ้าสองอย่างนี้พบกันได้ ผมเชื่อมั่นว่าเราจะผลักดันให้เกิดธุรกิจใหม่ๆขึ้นอีกมากมายในสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง และเกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ที่ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาของการจัดงานฯมียอดการทำธุรกรรมทางการเงินรวมกว่า 120,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละหมื่นกว่าล้าน สิ่งนี้เป็นการสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าแหล่งเงินทุนที่จะช่วยพยุงและช่วยให้เศรษฐกิจในภาคใต้เดินหน้าต่อไปได้” รมช.มหาดไทย กล่าว