SME D Bank เปิดตัว 3 สินเชื่อใหม่ วงเงิน 2,000 ล้าน ดอกเบี้ย 2%ต่อปี คิกออฟ 17 ม.ค.นี้  เสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอีฝ่าโควิด-19

  •  
  •  
  •  
  •  


นารถนารี รัฐปัตย์

SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ขานรับนโยบายรัฐบาล จัดเต็มเปิดตัว 3 โครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท  คิดดอกเบี้ยเพียง 2%ต่อปี ตลอดอายุสัญญา หวังหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงแหล่งทุน ช่วยเสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน เพื่อข้ามผ่านวิกฤตโควิด-19 เริ่มเปิดแจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป

    นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง   รัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ SME D Bank จึงดำเนินนโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภายใต้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  ประกอบด้วย 3 โครงการสินเชื่อ วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2%ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ได้แก่

   1) โครงการสินเชื่อ เพื่อฟื้นฟู SME วงเงิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้นานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน เพื่อให้นำไปปรับปรุง ลงทุน เงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง หรือฟื้นฟูกิจการในปัจจุบัน หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ภายใต้โครงการ 1.สินเชื่อพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ 2.โครงการฟื้นฟูฯ สำหรับ SMEs คนตัวเล็ก และ 3.โครงการสินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน

    2) โครงการสินเชื่อเพิ่มศักยภาพ SME วงเงิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้นานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 18 เดือน เพื่อให้นำไปปรับปรุง หรือลงทุน เงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง หรือฟื้นฟูกิจการ ทั้งธุรกิจปัจจุบัน หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิต ให้บริการ ค้าปลีกค้าส่ง หรือผู้ใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ที่ดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1. เกษตรอุตสาหกรรมหรืออาหารแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ 2. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานชีวมวล 3. อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือบริการทางการแพทย์ 4. กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ และ 5. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เช่น ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นยานยนต์ไฟฟ้า

     และ 3) โครงการสินเชื่อ สร้างโอกาส เสริมสภาพคล่อง SME วงเงิน 500 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้นานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน นำไปใช้ปรับปรุง เสริมสภาพคล่อง หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในธุรกิจ  สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิต ให้บริการ ค้าปลีกหรือค้าส่งใน 8 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2. กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป 3. กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น 4. กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 5. กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 6. กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก 7. กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง และ 8. กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

      สำหรับมาตรการดังกล่าวจะสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนประมาณ 500 ราย  ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 10,000 ล้านบาท   สามารถรักษาการจ้างงานได้ประมาณ 3,000 ราย  โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ 3 โครงการสินเชื่อดังกล่าว  สามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้สำนักงานกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือผ่าน www.smebank.co.th<http://www.smebank.co.th>  และ  www.thaismefund.com<http://www.thaismefund.com> ตั้งแต่วันที่  17 มกราคม 2565 ถึง 31 พฤษภาคม 2565 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อจะหมดก่อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โทร.0-2202-3879 และ Call Center ของ SME D Bank โทร.1357