กรมส่งเสริมสหกรณ์ เตรียมจัดสรรงบฯปี 2563 จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ 3,900 ล้านบาท เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้สหกรณ์กู้ยืมหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทั้งห้กู้ยืมในโครงการปกติ และโครงการพิเศษ หวังส่งเสริมอาชีพสมาชิกให้สร้างรายได้ในช่วงภัยแล้ง และผู้กระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 คิดอัตราดอกเบี้ยง 0-1 %
นายศักดิ์ชัย ไชยพุทธ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ในปี 2563 ว่ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส. มีทุนดำเนินงาน (ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563) จำนวน 6,238.22 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในรูปลูกหนี้เงินกู้ จำนวน 4,732.80 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.87 โดยในปีงบประมาณพ.ศ. 2563 กพส. ได้กำหนดกรอบในการบริหารเงินกู้ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้สหกรณ์กู้ยืมหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยจัดสรรวงเงินไว้ 3,900 ล้านบาท
งบประมาณดังกล่าว แบ่งเป็นการให้กู้ยืมในโครงการปกติ (อัตราดอกเบี้ยตามชั้นลูกหนี้ กพส.) วงเงิน 2,190 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย รวบรวมผลผลิต หรือลงทุนในทรัพย์สิน และเงินกู้ยืมในโครงการพิเศษ (อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0-1) วงเงิน 1,710 ล้านบาท เพื่อดำเนินการภายใต้นโยบายภาครัฐ เช่น การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนของสหกรณ์ การส่งเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ประสบสาธารณภัย และแก้ไขปัญหาด้านราคาสินค้าเกษตร การปรับเปลี่ยนการเกษตรตามแผนที่ Agri-Map ในนิคมสหกรณ์ การผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดีแก่เกษตรกรในสถาบันเกษตรกร การปลูกข้าวโพดหลังนาผ่านระบบสหกรณ์ การบริหารจัดการธุรกิจรวบรวมผลไม้ และกาแฟในสถาบันเกษตรกร ฟื้นฟูการใช้อุปกรณ์การตลาดตามโครงการ ASPL เป็นต้น
สำหรับการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำและเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางพารา กพส. ได้จัดสรรเงินกู้เพื่อสนับสนุนการผลิตหลักนำทางและแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีตของสหกรณ์ วงเงิน 100 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมและแปรรูป รวมทั้งการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยกำหนดให้สหกรณ์ละ ไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน 3 ปี
นอกจากนี้ กพส. ได้ให้การช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ซึ่งประสบภาวะภัยแล้ง สาธารณภัย รวมถึงการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 โดยสนับสนุนทั้งในการจัดหาแหล่งน้ำและการส่งเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณ์ อย่างต่อเนื่องระหว่างปี 62-63 รวม 7 โครงการ จำนวน 2,111.34 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการจัดหาแหล่งน้ำให้สมาชิกสหกรณ์ วงเงิน 365.55 ล้านบาท โครงการส่งเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง วงเงิน 484.23 ล้านบาท
โครงการสนับสนุนเงินกู้แก่สมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก( เริ่ม ม.ค.62) วงเงิน 98.71 ล้านบาทโครงการสนับสนุนเงินกู้สมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนโพดุน (เริ่ม ก.ย. 62) วงเงิน 37.06 ล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ วงเงิน 481.54 ล้านบาท โครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์ อาทิ การปลูกพืชผสมผสาน การสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังนา วงเงิน 430 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง วงเงิน 255 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 กพส. ได้มีมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ โดยได้พิจารณาอนุมัติขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้ให้กับสหกรณ์ที่เป็นลูกหนี้ กพส. ซึ่งได้กู้ยืมเพื่อนำไปให้สมาชิกกู้ และเพื่อจัดหาสินค้ามาจำหน่าย รวมจำนวน 168 สหกรณ์ 201 สัญญา เป็นเงิน 408.81 ล้านบาท มีสมาชิกได้ประโยชน์กว่า 22,891 ราย
ผลการอนุมัติเบิกจ่ายเงินกู้ กพส. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (ณ วันที่ 10 ก.ย. 2563) จำนวน 3,428.30 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 87.91 ของกรอบวงเงิน เป็นโครงการปกติ จำนวน 1,928.44 ล้านบาท และโครงการพิเศษ จำนวน 1,499.86 ล้านบาท ซึ่งในเดือนกันยายน 2563 คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายอีกไม่น้อยกว่า 317 ล้านบาท เมื่อสิ้นปีงบประมาณคาดว่าจะมีผลเบิกจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 3,745 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 96 ของกรอบวงเงินภายใต้กรอบวงเงินที่สนับสนุนมีจำนวนจำกัด
“ กพส. ได้มุ่งหวังให้สหกรณ์ได้นำไปพัฒนากิจการให้เกิดความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก ซึ่งจากการติดตามประเมินผลประโยชน์ที่สหกรณ์และสมาชิกได้รับจากการให้เงินกู้ดังกล่าว ทำให้สหกรณ์มีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น 28,923.96 ล้านบาท สามารถลดต้นทุนจากการดำเนินงานได้ 266.13 ล้านบาท ส่งผลต่อสมาชิกได้รับบริการ 455,259 ราย สามารถลดต้นทุนในการประกอบอาชีพได้ 167.60 ล้านบาท และเพิ่มรายได้จากประกอบอาชีพ 84.09 ล้านบาท” นายศักดิ์ชัย กล่าว