“มนัญญา” เดินสายลงพื้นที่ เปิดโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือก สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม

  •  
  •  
  •  
  •  

“มนัญญา” เดินสายลงพื้นที่ เปิดโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือก สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม ขนาด 500 ตัน/วัน ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน หวังช่วยเสริมศักยภาพสหกรณ์ให้มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การตลาด สามารถดำเนินการรวบรวมรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปได้อย่างทั่วถึง

      นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือก ขนาด 500 ตันต่อวัน และเยี่ยมชมการสาธิตการใช้เครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือกของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ณ ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

ในโอกาสนี้ได้มอบเงินอุดหนุนอุปกรณ์การตลาดแก่สหกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 5 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด  สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกํา จํากัด สหกรณ์วัดจันทร์ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านตะแบกงาม จำกัด และสหกรณ์ผู้ใช้น้ำชลประทานวัดพริก จำกัด งบประมาณ 80 ล้านบาทเศษด้วย

                                                              มนัญญา ไทยเศรษฐ์

     นางสาวมนัญญา กล่าว่า ปี 2561 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างเครื่องอบลดความชื้น ขนาด 500 ตัน/วัน จากโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตร (แก้มลิง) ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อช่วยเสริมศักยภาพสหกรณ์ให้มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การตลาด สามารถดำเนินการรวบรวมรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปได้อย่างทั่วถึง โดยมีปริมาณผลการรวบรวมรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวม 30,490.92  ตัน มูลค่า 226,249,166.50 บาท (ข้อมูล ณ พ.ย.62 – ส.ค.63) ซึ่งสหกรณ์สามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดที่ได้รับ โดยนำผลผลิตข้าวเปลือกและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เข้าเครื่องอบลดปริมาณความชื้นลงตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อเก็บรักษาผลผลิตไว้รอการจำหน่าย และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าการเกษตรด้วย

สำหรับสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2517 ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 46 ปี เป็นสหกรณ์หลักระดับอำเภอที่ให้ความสำคัญด้านการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม การแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก และเป็นศูนย์กลางรวบรวมรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร โดยยึดแนวนโยบายของรัฐ ตลาดนำการผลิต” มาปรับใช้ในการวางแผนธุรกิจ และแผนการส่งเสริมอาชีพของสมาชิกให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

     ปัจจุบันสหกรณ์มีสมาชิก จำนวน 3,674 คน มีทุนดำเนินงาน 925,914,435.18 บาท มีกำไรสุทธิประจำปี จำนวน 26,811,175.06 บาท สหกรณ์ดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจแปรรูปผลิตผลการเกษตรและการผลิตสินค้าแบบครบวงจร ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ