นำร่อง6 สินค้าGI ขายผ่านทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ชูข้าวสังข์หยดฯลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง

  •  
  •  
  •  
  •  

       ล่าสุดได้มีการขยับขยายด้านการตลาดผลิตภัณฑ์จากธุรกิจกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งแปรรูปจากสิ้นเกษตร ที่กรมทรัพสินทางปัญญาได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือ GI (Geographical Indication) จำนวน 6 รายการ ในจำนวนนี้มี  ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ลงนามลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด เพื่อนำสินค้า GI มาขายผ่านช่องทางออนไลน์  www.ShopAt24.com นำร่องก่อน 6 รายการ ประกอบด้วย ศิลาดลเชียงใหม่ ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน กาแฟดอยตุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และผ้าครามธรรมชาติสกลนคร

    ทั้งนี้“สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ “สินค้า GI” คือสินค้าที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย (Geographical Indication)จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น GI จึงเปรียบเสมือนแบรนด์ของท้องถิ่นที่บ่งบอกคุณภาพ และแหล่งที่มาของสินค้านั้นๆ

       นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลมุ่งผลักดันเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยมอบหมายให้กรมทรัพย์สินค้าปัญญาที่ทำหน้าที่ในการขึ้นทะเบียน และคุ้มครองสินค้า GI ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และขยายช่องทางการตลาดเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่สินค้า เหล่านั้น ซึงล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด เพื่อนำสินค้า GI มาขายผ่านช่องทางออนไลน์  www.ShopAt24.com ระหว่าง กับ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยมีสินค้านำร่อง 6 รายการ ได้แก่ ศิลาดลเชียงใหม่ ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน กาแฟดอยตุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และผ้าครามธรรมชาติสกลนคร

      ด้าน นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด บริษัทในกลุ่ม ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้กับทุกคน ด้วยการส่งเสริม และสนับสนุนสินค้าเอสเอ็มอี และสินค้าที่มีนวัตกรรม จากผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมที่มีศักยภาพ โดยบริษัททำหน้าที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ส่งตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลายของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ซึ่งความร่วมมือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาในครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ ที่นอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศได้แล้ว ยังตอบสนองและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และกลุ่มชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

       สำหรับ “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง”ข้าวพื้นเมืองขึ้นชื่อที่มีความเป็นมากว่าสองร้อยปี ในสมัยโบราณถูกใช้เป็นของกำนัลแก่แขกบ้านแขกเมือง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ เยือนจังหวัดพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. 2546 และศูนย์วิจัยข้าวได้ปรุงข้าวชนิดนี้ขึ้นโต๊ะเสวยเป็นที่ถูกพระทัยอย่างมาก จึงมีรับสั่งให้อนุรักษ์พันธุ์ข้าวนี้ไว้ ศูนย์วิจัยข้าวจึงได้ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ให้บริสุทธิ์ แจกจ่ายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง และภูมิภาคอื่น แต่ปรากฎว่าผลผลิตที่ได้จากนอกพื้นที่แตกต่างจากที่ปลูกในจังหวัดพัทลุง แม้จะมีลักษณะทางกายภาพภายนอกเหมือนกันโดยจุดเด่นของข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุงเมล็ดจะต้องเล็ก เรียว เวลาเคี้ยวจะมีสัมผัสนุ่มหนึบ เพราะมียางในตัว นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยจากหลายสถาบันการศึกษาระบุว่า ในข้าวสังข์หยดมีสารอาหาร และวิตามินหลายชนิดที่ช่วยบำรุงสมอง เซลล์ประสาท ช่วยให้นอนหลับ และป้องกันโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย

      ขณะที่นางสาวกนิดา เสนีย์ ผู้ประกอบการ บริษัท ริชชี่ ไรซ์ โปรดักส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวสังข์หยดอบกรอบ และข้าวสังข์หยดบรรจุถุง เปิดเผยว่า หลังจากข้าวสังข์หยดเป็นที่รู้จัก ทำให้มีความต้องการในท้องตลาดมากจนขาดตลาด ปีถัดมาชาวบ้านจึงมาปลูกกันเยอะ แต่ด้วยการไม่ได้ควบคุมคุณภาพทำให้สินค้าขายไม่ได้ กลายเป็นข้าวค้างในคลังจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเข้ามาช่วงนี้พอดี จึงได้เริ่มต้นตั้งแต่การช่วยเหลือระบายข้าว จากโจทย์ที่มีทำให้พัฒนามาเป็นข้าวสังข์หยดอบกรอบ และต่อมาก็ได้ลงไปช่วยในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

      “เราทำงานกับชาวบ้านมีทั้งที่ให้เมล็ดพันธุ์ไปแล้วรับซื้อกลับมา และที่ชาวบ้านปลูกเองให้บริษัทช่วยลงไปดูแลเรื่องคุณภาพทั้งระบบจนถึงเก็บเกี่ยว เรื่องราคาก็เป็นการกำหนดร่วมกันสองฝ่าย ให้ชาวบ้านอยู่ได้ และเราสามารถบริหารได้ ดูแลกันไปทำให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง ลูกค้าของเราไม่ใช่แค่กลุ่มคนรักสุขภาพ แต่ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยก็สามารถทานได้ นอกจากนี้ก็ยังมีตลาดต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ จีน และยุโรปด้วย ซึ่งการได้มาจำหน่ายผ่านช่องทางของทเวนตี้โฟร์ ชอปปิ้งนั้นก็จะเพิ่มโอกาสให้ทั้งชาวบ้านได้ขายข้าวได้มากขึ้น ผู้บริโภคก็สามารถหาซื้อทานได้ง่าย เพราะแต่ก่อนข้าวบรรจุถุงยังติดเรื่องค่าขนส่ง แต่หากซื้อผ่านช่องทางนี้ก็สามารถรับสินค้าได้เองที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นใกล้บ้านในเวลาที่สะดวกได้เลย” นางสาวกนิดา กล่าว

       ส่วน“ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน” ก็เป็นอีกหนึ่งสินค้า GI ที่มีจำหน่ายบน ShopAt24 เป็นช่องทางออนไลน์ของเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง โดย นางสาววาสนา สุภารัตน์ จากบริษัท ลำพูน โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ จำกัด ผู้ผลิตลำไยอบแห้งเนื้อสีทองสวัสดี กล่าวถึงที่มาของผลิตภัณฑ์ว่าเริ่มตั้งแต่สมัยคุณแม่เป็นประธานกลุ่มแม่บ้านริมร่อง พบว่าลำไยราคาตก จึงคิดแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งโดยใช้เตาฟืนธรรมดาแบบชาวบ้าน ทำกันเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ก่อนจะมาทำโรงเรือนให้ได้มาตรฐาน ขอเครื่องหมายการค้า เข้าอบรมที่ภาครัฐจัดให้ ลงทุนสร้างโรงงานผลิต ซึ่งสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่

      “เราใช้ลำไยพันธุ์อีดอ เป็นลำไยเปลือกหนา หอม หวาน อร่อย ซึ่งในขั้นตอนการผลิตจะมีการล้างความหวานออก ทำให้สามารถทานเล่นได้ไม่หวานมาก และผลิตเพียง 1 ครั้งต่อปี เก็บไว้ในห้องเย็น ไม่ใช้ลำไยนอกฤดูกาลเลยเพราะไม่สมบูรณ์เท่า เข้ามาขายผ่านทเวนตี้โฟร์ได้ 3 เดือนแล้ว ข้อดีคือไม่ต้องไปออกบูธ ไม่ต้องสต็อกของ มียอดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เราสร้างงานให้คนในชุมชนเยอะมาก กลุ่มที่อยู่กับเราสามารถนำสมาชิกในครอบครัวมาทำงานกับเราได้หมด คนแก่ก็มาช่วยคัดลำไย หนุ่มสาวก็มีงานในโรงงาน หรืองานสำนักงานรองรับ เพราะธุรกิจเราขยายตัว” นางสาววาสนา กล่าว

นับเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์ GI ที่ได้มีชองทางในการขายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะขายผ่านทางออนไลน์  www.ShopAt24.com ที่มีแฟนคลับและผู้ติดตามจำนวนมาก