ดลมนัส กาเจ

“น้ำกรดหยอดน้ำยาง ภายใต้เครื่องหมายการค้า “วอริก” สำหรับหยอดยางก้นถ้วย ที่มีคุณสมบัติที่ทำให้น้ำยางแข็งเร็ว ไม่ติดถ้วยยาง แกะยางง่าย ไม่มีควันไอระเหย ไม่ทำลายหน้ายาง โดนผิวไม่อันตราย เหมือนน้ำกรดที่ใช้กันโดยทั่วไป”

       หลังจากที่ “กัณพัตร ประดิษฐคำ” ได้คลุกคลีอยู่กับชาวสวนยางพาราในภาคเหนือที่ทำยางก้นถ้วย พบว่ามีการใช้น้ำกรดอนินทรีย์ มีอันตรายหลายอย่างทั้งโดนผิวจะมีอาการแสบร้อน ทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งหน้ายาง และดิน จึงร่วมกับนักวิชาการพยายามค้นคิดหาสูตรน้ำกรดหยอดยางก้นถ้วยใหม่ โดยใช้สารอินทรีย์ จึงได้สูตรมา ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมจดทะเบียนผลิตและจำหน่ายน้ำยาหยอดยางพารา ภายใต้เครื่องหมายการค้า “วอติก”(WATIC) คุณภาพสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ขึ้นมาในนามบริษัท ไท้เหม่ยยางพารา จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 5 บ้านดงชัย หมู่ 2 ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย

        กัณพัตร ในนามกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไท้เหม่ยยางพารา จำกัด บอกว่า น้ำกรดหยอดยางพาราก้นถ้วย “วอติก” สามารถรทำให้น้ำยางแข็งตัวเร็ว หรือเร่งกระบวนการให้น้ำยางพาราจับตัวเป็นก้อน ซึ่งโดยปกติการทำน้ำยางพาราให้จับตัวเป็นก้อนคือทำให้โมเลกุลเชิงเดี่ยว(monomer) มาต่อกันเป็นสายหรื่อที่เราเรียกกันว่าโพลิเมอร์(polymer) แต่เนื้องจากโครงสร้างของโมเลกุลยางเชิงเดียวนั้นมีพันธะคู่ (double bond) พร้อมที่จะจับตัวกันเป็นสาย (chain) ได้ถ้ามีประจุบวกมากระตุ้นซึ่งเกษตรชาวสวนยางนิยมนำเอากรดอนินทรีย์มาเป็นตัวที่ทำให้น้ำยางพาราจับตัวเป็นสายเพราะเหตุที่ว่ากรดอนินทรีย์มีราคาถูกกว่ากรดอินทรีย์มากๆ แต่ปัญหาที่ตามมา คือ กรดอนินทรีย์เหล่านั้นมีการระเหยที่รุนแรงและซึมเข้าไปในเปลือกของต้นยาง เมื่อใช้ไปในระยะเวลานานๆก็จะไปทำลายหน้ายาง ทำให้น้ำยางออกน้อยกว่าปกติจนถึงไม่ให้น้ำยางออกมาเลย(ยางตายนึ่ง)

        ทั้งนี้จะดูได้จากแนวโน้มผลผลิตของยางภาคเหนือและยางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นิยมทำแต่ยางก้อนถ้วยโดยการหยอดกรดอนินทรีย์ในข้างๆต้นยาง ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือ ยางก้อนถ้วยที่ได้จากกรดอนินทรีย์มักส่งกลิ่นเหม็น  เกิดมาจากความชื่นในยางก้อนถ้วยที่มีมากกว่า 40% ทำให้เชื่อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้โดยการไปย่อยสลายอนุมูล ซัลเฟต ของกรดอนินทรีย์ให้กลายเป็นแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟต์ได้ ในขณะที่ภาคตะวันออกและภาคใต้น้ันไม่ทำยางก้อนถ้วยแต่จะนำเอาน้ำยางสดจากต้นออกไปทำยางแผ่นจึงไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตต่อไร่ต่อปี

           นอกจากนี้สิ่งที่ส่งผลเสียหายอย่างเห็นได้ชัดเจนอีกประการหนึ่งคือยางแผ่นดิบที่ผลิตจากกรดอนินทรีย์นั้นมักจะแห้งช้ามากและมักมีราดำขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 10-15 วัน เพราะอนุมูลซัลเฟตนั้น มีความสามารถดึงเอาโมเลกุลของน้ำไว้ได้ดีมาก จึงทำให้โมเลกุลของน้ำระเหยออกไปจากผิวของเนื้อยางดิบได้ยากกว่าปกติ

         ด้วยเหตุนี้ บริษัท ไท้เหม่ยยางพารา จำกัด ได้เล็งเห็นถึงปัญหาใหญ่ๆเหล่านั้น ว่าในภายภาคหน้าแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อคุณภาพต่อต้นยางพารา และชื่อเสียยางพาราของไทย จึงได้คิดค้นประดิษฐ์ สูตรน้ำกรดหยอดน้ำยาง ภายใต้เครื่องหมายการค้า “วอริก” สำหรับหยอดยางก้นถ้วย ที่มีคุณสมบัติที่ทำให้น้ำยางแข็งเร็ว ไม่ติดถ้วยยาง แกะยางง่าย ไม่มีควันไอระเหย ไม่ทำลายหน้ายาง โดนผิวไม่อันตราย เหมือนน้ำกรดที่ใช้กันโดยทั่วไป มีส่วนผสมสารที่ช่วยทำให้น้ำยางพาราจับตัวเป็นก้อนที่ทำการแลกเนื้อยางต่ำกว่ากรดอนินทรีย์

        “ที่จริงกรดอินทรีย์มีราคาสูงกว่ากรดอนินทรีย์ถึง 6 เท่าตัว จึงยากต่อการที่จะให้เกษตรหันมาใช้กรดอินทรีย์ แต่สูตรผสมสารที่ช่วยทำให้ยางพาราจับตัวเป็นก้อนที่ประกอบด้วยกรดอาเซติก หัวเชื้อที่ไม่ทำอันตราย ส่วนกรดอิรทรีย์บริษัทเรา ใช้ในปริมาณแค่ 2% เท่านั้นเองราคาจึงไม่สูงนัก นเกษตรสามารถใช้กรดอินทรีย์ได้ในราคาที่คุ้มทุน สามารถขายยางได้กำไรมากขึ้น เนื่องจากน้ำหนักยางที่มากขึ้น จากการแลกเนื้อยางต่ำกว่ากรดอนินทรีย์ ที่สำคัญยังเป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้าง และยังช่วยลดการกัดกร่อน ไม่กัดกร่อนรุนแรงเท่ากรดอนินทรีย์ ไม่มีกลิ่นเหม็นฉุนเลย น้ำหยอดยางก้นถ้วยของเรา 1 ขวดสามารถใช้ได้กับสวนยางพารา 1 ไร่”  กัณพัตร กล่าว

        ด้าน ทอง  ก๋าแก้ว” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ผ่างาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ที่ใช้น้ำกรดหยอดยางวอติก บอกว่า มีสวนยางพารา 23 ไร่ เดิมใช้น้ำกรดทั่วไปที่ทำจากเคมีในการทำยางก้นถ้วย พบว่า เวลาน้ำกรดกระเด็นออก นานๆเข้าหน้ายางจะด้าน ดินจะแข็งขึ้น จึงทดลองมาใช้น้ำกรดหยอดยางก้นถ้วยวอติก สิ่งแรกที่พบเห็นคือเวล่โดนผิวไม่อันตราย ไม่ระตายเคืองผิวเหมือนกับน้ำกรดที่เคยใช้ จึงมั่นใจว่า จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหน้ายาง ดิน และไม่อันตรายกับผู้ใช้ด้วย

     สนใจผลิตภัณฑ์น้ำกรดหยอดยางก้นถ้วย “วอติก” หรือต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ที่ โทร : 064-481-4555