โรงเรือนเพาะเห็ดเคลื่อนที่ได้ นวัตกรรมสำหรับคนเมืองพื้นที่น้อย

  •  
  •  
  •  
  •  

จากการที่ “สาธนี สกุลวัฒนะ” หรือ “น้องหนุ่น” เติบโตมาจากครอบครัวที่ยึดอาชีพธุรกิจด้านการเกษตร ทำให้เธอมองว่า ธุรกิจที่ทำอยู่จะเน้นที่ต้นน้ำมากกว่า แต่การเกษตรสมัยใหม่ ต้องต่อยดฃอดให้ครบวงจรเพื่อสนองการทำเกษตรแบบยุคใหม่ โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่คนหันมาสนใจอาชีพเกษตรมากขึ้น เธอจึงค้นคิดออกแบบ โรงเรียนเพาะเห็ดขนาดจิ๋ว หรือโรงเรือนเพาะเห็ดมินิ สำหรับพื้นที่ 3.5-4 ตารางเมตร ก็สามารถเพาะเห็ดไว้บริโภคและเหลือให้ขายได้ เธอยืนยันว่า ใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็คืนทุนได้แล้ว
สาธนี บอกว่า เรียนจบมาจากคณะเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร แต่ด้วยที่เกิดมาในครอบครัว ประกอบธุรกิจโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่ฟาร์ม KTF Organic Land ตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 15 ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงตั้งใจว่าจะต่อยอดธุรกิจต้นน้ำของครอบครัวจากที่ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาทำเกษตรอินทรีย์เพาะปกติมีแปลงปลูกพืชที่ทำแปลงสาธิตปลูกพืชเพื่อทดสอบปุ๋ยควบคู่มาตลอดอยู่แล้ว สามารถที่จะขยับสู่ธุรกิจกลางน้ำดูบ้าง คือ ทำฟาร์มผักปลอดภัยหรือการผลิตแนว Organic ที่คำนึงถึงผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพ และในขณะเดียวกันก็ทำปลายน้ำไปพร้อมเลย โดยเปิดร้านอาหารและร้านสินค้าเกษตร Organic ต่างๆ ทั้งผักสดและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปด้วย

ในที่สุดเธอตัดสินใจกลับไปอยู่ที่ฟาร์ม หลังจากที่เธอใช้ความรู้ตามที่เรียนมาได้ระยะหนึ่ง  เมื่อ 2 ปีก่อนและระหว่างนั้นมองหาช่องทางใหม่ด้านการเกษตร และได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการทำก้อนและการเพาะเลี้ยงเห็ด จาก รศ.ดร.ถาวร วินิจสานันท์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี จึงมานั่งคิดรูปแบบใหม่ๆของการเพาะเห็ด เพื่อสนองคนในเมือง จากนั้นได้คิดค้นพัฒนาเรื่องโรงเรือนเพาะเห็ดแบบเคลื่อนที่ได้ สำหรับคนมีพื้นที่จำกัดที่ต้องการทำการเกษตรทั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่ และผู้เกษียณอายุจากการทำงาน

เธอ มองถึงคนรุ่นใหม่ในเมืองที่มีพื้นที่น้อย ใจอยากทำเกษตรเหมือนกัน รวมคนที่เกษียณอายุ ประกอบกับปัจจุบันเห็ดเป็นที่นิยมบริโภคของคนในกลุ่มรักสุขภาพ จึงลองมาทำเป็นโรงเรือนเพาะต้นแบบสำเร็จรูป ใช้เวลาในการพัฒนารูปแบบกว่า 1 ปี จนได้โรงเรือนเพาะเห็ดมินิ  2 รูปแบบ คือ แบบโครงสร้างถาวร สามารถยกไปทั้งหลังและแบบถอดประกอบได้ หรือน็อคดาวน์ ขนาดเท่ากัน คือโรงเรือนเพาะเห็ดมินิขนาดความกว้าง 1.70 เมตร x ความยาว 1.70 เมตร สูง 2.10 เมตร มีโครงสร้างหลักที่ประกอบด้วย โครงเหล็ก, ผ้าใบมุงหลังคา, ซาแรนคลุมรอบโรงเรือน, เชือกหรือแพแขวนสำหรับวางก้อน โดยโรงเรือน 1 โรง สามารถเพาะเห็ดตระกูลเห็ดถุงทุกชนิด อาทิ นางฟ้าภูฏาน นางรมฮังการี เป๋าฮื้อ หูหนู ขอนดำ-ขอนขาว ฯลฯได้ได้  504 ก้อน ที่สำคัญสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วย

“โรงเรือนเห็ดมินิตามแบบฉบับของเรา หลังจากที่เอาก้อนเห็ดไปวางแล้ว ใช้เวลา 4 วันเห็ดจะออกดอกแล้ว สามารถเก็บได้นานถึง 3 เดือน จะได้เห็ดรวม 250-300 กก.ต่อรุ่น หากขาย กก.ละ 60 บาทก็จะได้ 15,000-18,000 บาท รุ่นเดียวก็คุ้มทุนแล้ว แต่ช่วงแรกๆหากเรายังไม่มีประสบการณ์อาจได้ แค่ 100 กก.ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ” เธอ อธิบาย

สาธนี บอกด้วยว่า ปัจจุบันโรงเรือนมินิตามแบบของ สาธนี ลงทุนครั้งแรกเฉพาะโรงเรือน 5,000 บาทครั้งเดียวอยู่ได้หลายปี ค่าก้อนเห็ดอีก 5,000 บาท หลังจากที่ตกลงซื้อขายกันแล้วจะอบบรมในการเพาะเห็ดจนกว่าจะดูแลเองได้ หากในพื้นที่กรุงเทพฯและใกล้เคียงยินดีบริการส่งถึงที่อีกด้วย

“จริงๆแล้วการเพาะเห็ดไม่ยุ่งยาก ระหว่างการเตรียมโรงเรือนจะมีการการฉีดฆ่าเชื้อ/ปรับสภาพให้พร้อม ใช้สารชีวภัณฑ์สำหรับปราบศัตรูของเห็ดผสมกับน้ำตามคำแนะนำ ฉีดพ่นทิ้งไว้ก่อน ตามด้วยอีกวันฉีดน้ำเพื่อสร้างความชื้นสัมพัทธ์ไว้ แล้วพอวันรุ่งขึ้นจึงนำก้อนเชื้อเห็ดเข้าวาง/ขึ้นชั้นแขวนได้” เธอแนะนำ

เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่เป็นทางเลือกของผู้ที่มีพื้นที่น้อย และสนใจอาชีพด้านการเพาะเห็ด ที่มีพื้นที่น้อย จุดเด่น สามารถเคลื่อนได้อีกด้วย

ผู้เขียน ดลมนัส  กาเจ