พริก…พืชหลังนาสร้างรายได้ดี

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…รศ.สมพร อิศวิลานนท์

             ในสภาวะที่ข้าวเปลือกราคาตกต่ำดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ รัฐบาลกำลังหาช่องทางประหยัดน้ำ และสนับสนุนเกษตรพืชพืชหลังนาทดแทนการปลูกข้าวที่อยู่ในภาวะล้นตลาด ดังนั้นเกษตรกรคงจะต้องมองหาทางเลือกในการประกอบอาชีพทำการเกษตรให้มากขึ้น

             “พริก”เป็นพืชผักชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ และเกษตรกรน่าจะหันมาพิจารณาเพื่อสร้างทางเลือกในรายได้จากการปลูกพืชผักผสมผสานในไร่นา หลังฤดูกาลทำนาปีหรือจัดสรรพื้นที่บางส่วนปลูกเป็นพืชทดแทนการปลูกข้าวนาโดยเฉพาะปรัง 

             เคยมีงานจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)โดย อาจารย์วีระ ภาคอุทัยและเยาวรัตน์ สรีวรานันท์ พบว่า เกษตรกรที่จังหวัดชัยภูมิปลูกพริกขี้หนู 1 ไร่ ในตอนนั้นให้ผลกำไรไร่ละ 9,868 บาท หรือถ้าเป็นพริกใหญ่ให้ผลกำไรไร่ละ 42,521 บาท ในขณะที่หากเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังจะให้ผลกำไรเพียงไร่ 1,315 บาท นอกจากนี้เกษตรกรที่ปลูกพริกยังมีรายได้จากการใช้แรงงานในครัวเรือนของตนเองเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่งตามมาอีกด้วย

              การปลูกพริกแม้จะมีทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศ แต่จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรรายงานว่าพื้นที่เพาะปลูกพริกได้มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆจากอดีต และลดลงมาเหรือประมาณ 0.25 ล้านไร่ในปี 2556 พื้นที่ที่เพาะปลูกพริกที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นการปลูกพริกขี้หนูมากที่สุดประมาณร้อยละ 90 ที่เหลือเป็นการปลูกพริกผลใหญ่ พริกยักษ์ และพริกหยวก 

            พื้นที่เพาะปลูกพริกที่หายไปส่วนมากเป็นพื้นที่ๆตามหัวไร่ปลายนาหรือเป็นพืชผักสวนครัวตามครัวเรือนในชนบทไทย การลดลงของพื้นที่ปลูกรวมถึงการหายไปของระบบพืชผักสวนครัว ทำให้ในปัจจุบันทุกครัวเรือนในชนบทต้องหาซื้อพริกจากตลาดเช่นเดียวกับครัวเรือนในเมือง อุปทานที่หายไปจึงส่งผลต่อการปรับตัวของราคาพริกที่สูงขึ้นตามมา

            พริกเป็นพืชผักที่ใช้ผลในการบริโภคทั้งสดและแห้ง ซึ่งวิถีชีวิตของคนไทยมีความผูกพันกับการบริโภคพริกมาอย่างยาวนาน นอกจากการใช้บริโภคเป็นส่วนประกอบของอาหารในครัวเรือนแล้ว ปัจจุบันพริก ยังถูกใช้เป็นพืชวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เช่น ซอสปรุงรส และรวมถึงการเป็นส่วนประกอบของวัตถุดิบในการผลิตยารักษาโรค อีกด้วย นอกจากนี้พริกยังเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่งในกลุ่มของสินค้าพืชผัก โดยในปี 2557 ได้มีการส่งออกพริกไปต่างประเทศมีมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท

[adrotate banner=”3″]

             พริกมีวิตามินซีสูงช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นแหล่งของกรดแอสคอร์บิก(ascorbic) ช่วยขยายเส้นโลหิตในลำไส้และกระเพาะอาหารเพื่อให้ดูดซึมอาหารดีขึ้น ช่วยร่างกายขับถ่าย ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอลในร่างกาย ทำให้ปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดลดลง

            นอกจากนี้พริกยังมีสารสำคัญ ได้แก่แคปไซซิน(Capsaicin) ซึ่งทำให้เผ็ดช่วยให้เกิดอาการตื่นตัวของร่างกาย และได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่มีรสเผ็ด  และผลิตภัณฑ์รักษาโรคเพื่อลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นต้น ซึ่งส่วนมากแล้วจะสะกัดจากเม็ดพริกขี้หนูที่ให้ความเผ็ดสูง

            ดังนั้น ภายใต้การปรับโครงสร้างการปลูกพืชหลังการทำนา พริกจึงน่าจะเป็นพืชทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกร ซึ่งหากเกษตรกรได้มีการรวมตัวกันเพาะปลูกในระดับหมู่บ้านแล้วสร้างระบบการผลิตพริกปลอดภัย(GAP)ด้วยแล้ว ย่อมจะมีทางออกด้านการตลาดที่ดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานภายในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องย้ายถิ่นไปหางานทำที่อื่น