“การไม่หยุดยั้งที่จะเรียนรู้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สวนทุเรียนนวลทองจันท์กลายเป็นสวนทุเรียนคุณภาพ โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบน้ำในแปลง ทำให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในสวนในปีนี้ไม่รุนแรงเท่ากับสวนอื่นทั่วไปที่ไม่มีระบบการจัดการน้ำที่ดี โดย สุเทพ ได้ออกแบบระบบน้ำในสวนทุเรียนเพื่อลดแรงงาน ลดต้นทุน รองรับเทคโนโลยี และนวัตกรรมยุคใหม่มาประยุกต์ใช้”
ประสบการณ์ทำสวนทุเรียนมานานกว่า 30 ปี ทำให้ “สุเทพ นพพันธ์” เจ้าของสวนทุเรียนนวลทองจันท์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เกิดการเรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของทุเรียนที่ปลูกไว้เป็นอย่างดี และสามารถบริหารจัดการทุเรียนที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทบต่อการติดดอกออกผลของทุเรียนในปีนี้ ทำให้ติดดอกล่าช้าและทุเรียนสลัดผลร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก
จากปัญหาสู่การแก้ไขปรับตัวให้เท่าทันสภาวการณ์ ทั้งอุณหภูมิ แสง น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ โครงสร้างดิน และแร่ธาตุอาหาร ช่วงจังหวะการจัดการกับ ลำต้น ใบ ดอก ผล หนาม จึงต้องมีความสอดคล้องพอดี เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในแต่ละช่วงของการเจริญเติบโต เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ซึ่งต้องนำดินไปตรวจวิเคราะห์เพื่อเลือกใช้ปุ๋ยและปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสมตามความต้องการของพืช มีการเตรียมพันธุ์โดยเลือกใช้ต้นตอที่ต้านทานโรคจากการนำเมล็ดทุเรียนป่ามาทำต้นตอ
ใช้องค์ความรู้ผลิตทุเรียนคุณภาพ
สวนทุเรียนนวลทองจันท์ มีการวางแผนการจัดการทุเรียนในสวนให้ผลผลิตออกสู่ตลาดรุ่นแรก ๆ ของฤดูกาล เพราะจะได้ผลผลิตที่ราคาดีออกมาจำหน่ายก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงกระจุกตัว และใช้เทคโนโลยีในการผลิตทุเรียนคุณภาพตามหลักมาตรฐานการเกษตรที่ดีและเหมาะสมสำหรับพืช (GAP) การดูแลรักษาต้นทุเรียนระยะก่อนให้ผลผลิต (อายุ 1 – 4 ปี) ใช้วิธีให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ ดูแลตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่มเมื่อต้นทุเรียนอายุได้ 6 เดือน มีการป้องกันกำจัดโรคและแมลง หมั่นสำรวจการเข้าทำลายใบทุเรียนของศัตรูพืชที่สำคัญ เช่น เพลี้ยไฟ หนอน เพลี้ยจักจั่น เพื่อเลือกใช้วิธีการกำจัดที่ถูกต้องเหมาะสม มีการดูแลรักษาต้นทุเรียนในแต่ละระยะ
เป็นต้นว่า ระยะให้ผลผลิต ช่วงระยะชักนำการออกดอก ใส่ปุ๋ยมูลวัวเพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์ เมื่อต้นทุเรียนมีการแตกใบครบ 3 ชุด จึงใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 8 – 24 – 24 อัตรา 3 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อกระตุ้นการออกดอก ระยะออกดอกติดผลและการพัฒนาของผล มีการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช การใช้ Air Blast เป่าลมช่วยการผสมเกสรช่วงหัวค่ำ จนถึงการเก็บเกี่ยวเมื่อทุเรียนอายุได้ตามกำหนด ใช้การจ้างแรงงานที่มีความชำนาญตัด และรับทุเรียนด้วยกระสอบป่าน แล้วใส่ผลผลิตในเข่ง หลีกเลี่ยงให้ผลทุเรียนสัมผัสดินหรือหญ้าในแปลง เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อการติดโรค และอาจจะแสดงอาการเมื่อส่งผลผลิตไปจำหน่ายยังปลายทาง
ทดลอง ศึกษา เทคโนโลยีใหม่ ๆ ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
การไม่หยุดยั้งที่จะเรียนรู้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สวนทุเรียนนวลทองจันท์กลายเป็นสวนทุเรียนคุณภาพ โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบน้ำในแปลง ทำให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในสวนในปีนี้ไม่รุนแรงเท่ากับสวนอื่นทั่วไปที่ไม่มีระบบการจัดการน้ำที่ดี โดย สุเทพ ได้ออกแบบระบบน้ำในสวนทุเรียนเพื่อลดแรงงาน ลดต้นทุน รองรับเทคโนโลยี และนวัตกรรมยุคใหม่มาประยุกต์ใช้ และแนะนำจุดคุ้มทุนต้องใช้พื้นที่ปลูกอย่างน้อย 50 ไร่ เลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม มีพื้นที่ของแหล่งน้ำอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนและสำรองน้ำไว้ใช้ในแปลง ทำการปรับพื้นที่ก่อนวางระบบน้ำให้ราบเรียบ กำหนดระยะปลูก 10 เมตร x 10 เมตร ใช้ต้นพันธุ์ทุเรียน 16 ต้นต่อไร่ ยกโคกสูง 60 – 80 เซนติเมตร กว้าง 7 เมตร ข้างละ 3.5 เมตร วางระบบน้ำห่างจากโคนต้น 2 เมตร และทางวิ่ง ระยะ 3 เมตร เพื่อให้เครื่องจักรกลทางการเกษตรสามารถเข้าได้ทุกทาง
ทดลองและศึกษาการปลูกทุเรียนต้นเดี่ยว ต้นคู่ ด้วยตนเอง ในด้านปริมาณผลผลิต คุณภาพ และต้นทุน จากการทดสอบพบว่าการปลูกแบบต้นเดี่ยวและแบบต้นคู่มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน การปลูกแบบต้นคู่จะให้ผลผลิตมากกว่าการปลูกแบบต้นเดี่ยวในช่วงให้ผลผลิต 5 – 10 ปี แต่หลังจากให้ผลผลิต 10 ปี การปลูกแบบต้นเดี่ยวจะให้ผลผลิตปริมาณมากกว่าการปลูกแบบต้นคู่ การจัดการและดูแล รวมทั้งการเก็บเกี่ยว การปลูกแบบต้นเดี่ยวสะดวกสำหรับการปลูกทุเรียนแบบต้นคู่ช่วยลดความเสี่ยงเมื่ออีกต้นตาย ไม่ต้องเสียเวลาปลูกต้นใหม่ แต่หากต้นโตแล้ว ต้นคู่ตาย 1 ต้น อีกต้นจะเสียสมดุล ต้นล้มง่าย เนื่องจากระบบรากแผ่ขยายออกเพียงด้านเดียว
ศึกษาการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนให้มีความหลากหลายพันธุ์ โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์การค้า ได้แก่ หมอนทอง กระดุมทอง นวลทองจันท์ หนามดำ พวงมณี และมูซานคิง เช่นที่เคยประสบความสำเร็จในการผ่าดอกผสมเกสรระหว่างต้นแม่พันธุ์พวงมณีและเกสรตัวผู้พันธุ์หมอนทอง จนได้ทุเรียนสายพันธุ์ใหม่ ชื่อว่า “นวลทองจันท์” มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น คือ เนื้อมีสีสวยเหลืองทอง ได้ลักษณะเนื้อสัมผัสละเอียด รสชาติหวานหอมจากพวงมณี และปริมาณเนื้อหนา เมล็ดลีบจากหมอนทอง มีกลิ่นเฉพาะตัวหอมอ่อน ๆ และเป็นทุเรียนที่มีกลิ่นน้อยมาก เป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบันได้รับการจดทะเบียนรับรองพันธุ์กับกรมวิชาการเกษตร จดสิทธิบัตรเจ้าของพันธุ์นวลทองจันท์ เมื่อปี 2551 และได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี 2565
เรียนรู้การใช้โดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนด้านการใช้สารเคมีป้องกันกำ จัดโรคแมลง และแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนได้ แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชใต้ทรงพุ่มซึ่งโดรนพ่นไม่ถึง โดยได้นำโดรนมาใช้ร่วมกับแรงงานในการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
วางแผนการเงิน การลงทุน พัฒนาต่อยอด ขยายธุรกิจ
การจำหน่ายผลผลิตทุเรียนคุณภาพจากสวนนวลทองจันท์ ทำให้ สุเทพ มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 27 ล้านบาทต่อปี และด้วยการรู้จักเก็บออมทำบัญชี ทำให้เป็นเกษตรกรที่ไม่มีหนี้สิน ใช้จ่ายเงินสดในการชำระซื้อสินค้าหรือสิ่งของต่าง ๆและมี จารุวรรณ นพพันธ์ บุตรสาวคนเล็กมาช่วยดูแลงานด้านการตลาด สืบทอดอาชีพเกษตรกรที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษมาจนภึงวันนี้ นอกจากนี้ ที่ดินกว่า 300 ไร่ มีการวางแผนการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิตในระยะยาว ด้วยการปลูกต้นตะเคียนทองรอบ ๆ สวน สร้างรั้วมีชีวิตเป็นแนวกำบังลมพายุ มากกว่า 3,000 ต้น ปัจจุบันตะเคียนทองที่สวนนวลทองจันท์ มีอายุ 30 – 40 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นธนาคารต้นไม้ สามารถใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และการปลูกต้นไม้ในปัจจุบันก็สามารถขายคาร์บอนเครดิตช่วยสร้างรายได้อีกด้วย
ขยายธุรกิจจากการผลิตอย่างเดียวสู่การเป็นผู้ประกอบการส่งออก เปิดโรงคัดบรรจุ (ล้ง) รวบรวมผลผลิตทางการเกษตรในชื่อบริษัท ทรัพย์บูรพา เฟรชฟรุ๊ต จำกัด ส่งออกผลผลิตในสวนและรับซื้อทุเรียนจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและใกล้เคียงไปยังประเทศปลายทางโดยเฉพาะประเทศจีน และการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องความต้องการของตลาดอยู่เสมอ ใช้ตลาดนำการผลิต มั่นใจได้ว่าผลผลิตทุเรียนที่รับซื้อมานั้นมีแหล่งจำหน่ายที่แน่นอน ซึ่งในปี 2567 ราคารับซื้อผลผลิตทุเรียนพันธุ์นวลทองจันท์ อยู่ที่ประมาณ 220 – 300 บาท/กิโลกรัม เป็นราคาที่พึงพอใจของร่วมกันระหว่างเกษตรกรและล้ง และทางสวนมีแผนจะขยายตลาดไปยังยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา และตะวันออกกลาง เพื่อรองรับปริมาณไม้ผลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ถึงแม้การส่งออกทุเรียนไปตลาดจีนเป็นรายได้หลักของสวนนวลทองจันท์ แต่ว่าช่องทางออนไลน์กับกระแสทุเรียนฟีเวอร์ทำให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจทุเรียนไทยเพิ่มมากขึ้น จึงนำทุเรียนจากสวนนวลทองจันท์ไปจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สวนนวลทองจันท์” มีทั้งแบบการจองตั้งเเต่อยู่บนต้นและนำผลผลิตมาไลฟ์สด จัดส่งโดยรถขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิ ทำให้มั่นใจได้ว่าทุเรียนจากสวนนวลทองจันท์จะถึงมือลูกค้าในสภาพที่สมบูรณ์และคงรสชาติที่ดี บรรจุในกล่องที่มีการออกแบบสวยงามและแข็งแรง มีรายละเอียดแสดงข้างกล่องให้ผู้บริโภคตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าเป็นทุเรียนคุณภาพจากสวนนวลทองจันท์ และใช้วิธีขายเป็นกล่อง ราคากล่องละ 2,000 บาท (ทุเรียน 2 ลูก น้ำหนักประมาณ 5 – 6 กิโลกรัม) ทำให้ได้ราคาดี
ทำสวนด้วยความสุข ส่งมอบทุเรียนคุณภาพ รสชาติดี
ด้าน พีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวย้ำว่าจากปัจจัยทั้งหมดทำให้ สุเทพ สามารถนำพาสวนนวลทองจันท์ให้เป็นสวนทุเรียนคุณภาพ สามารถส่งมอบความอร่อยของทุเรียนไปสู่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับทุเรียนไทยให้คงอยู่ในความประทับใจของผู้บริโภค และเป็นต้นแบบของเกษตรกรที่รู้จักปรับเปลี่ยนวิธีการทำสวนให้เข้ากับการยุคสมัยและทรัพยากรที่แตกต่างจากบรรพบุรุษ มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลมาใช้ ทำสวนบนพื้นฐานการทำงานด้วยความสุข ปรับสมดุลชีวิตและการทำงานด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
พร้อมทั้งแบ่งปันองค์ความรู้ของตนเองด้านการเกษตรที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจคณะศึกษาดูงานและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เชิญไปร่วมเสวนางานฝึกอบรมเรื่องการทำสวนทุเรียน และให้ความร่วมมือกับภาครัฐใช้พื้นที่ปลูกเพื่องานวิจัยร่วมกันอีกด้วย นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เกษตรกรตัวเล็ก ๆ ได้ก้าวมายืนอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตในการสร้างสวนทุเรียนยุคใหม่
สวนทุเรียน “นวลทองจันท์” ของ “สุเทพ นพพันธ์” นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จที่เกิดจากการที่อยู่ไม่นิ่ง มั่นทดลอง ศึกษา เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ จนได้มาแห่งการผลิตทุเรียนคุณภาพ รสชาติดีได้ในวันนี้