การกรมชลฯ วอนเกษตรกรทำนาแบบเปียกสลับแห้ง หลังพบว่าลุ่มเจ้าพระยาทำนาปรังเกินแผนที่กำหนด

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                                                            แฟ้มภาพ

กรมชลประทาน สรุปสถานการณ์น้ำล่าสุด อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 57,700 ล้าน ลบ.ม. หรือ 76% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เผยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 16,786 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่การเพาะปลูกข้าวนาปรังเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาปลูกไปแล้ว 6.73 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 116 ของแผนฯ วอนเกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้งเพื่อเป็นการประหยัดน้ำต่อไป  

รายงานข่าวจากกรมชลประทาน แจ้งว่า สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (11 ม.ค.67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 57,700 ล้าน ลบ.ม. (76% ของความจุอ่างฯ รวมกัน)  เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 16,786 ล้าน ลบ.ม. (67% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ฉะนั้นกรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ  การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ

                                                                                       แฟ้มภาพ

จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 8,325 ล้าน ลบ.ม. (39%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,557 ล้าน ลบ.ม. (42%)  ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.58 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 96 ของแผนฯ  เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 6.73 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 116 ของแผนฯ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ด้านสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ให้พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังพร้อมปรับแผนการระบายน้ำเพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้ค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา

สำหรับพื้นที่ภาคใต้ปัจจุบันปริมาณฝนเริ่มลดน้อยลง จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 13 – 14 ม.ค. 67 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ทั้งนี้ กรมชลประทานได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นธรรม โดยจัดสรรน้ำตามรอบเวร พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้งเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอในทุกกิจกรรม