กรมหม่อนไหมสำเร็จวิจัยและปรับปรุงไหมพันธุ์ใหม่ ” NAN X J108″ เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์เอ็นเอเอ็นและพันธุ์เจ 108 เผย สามารถเลี้ยงได้ดีในภาคเหนือ โดยเฉพาะในฤดูหนาวให้ผลผลิตรังไหมสูง จุดเด่นรังไหมสีเหลืองขนาดใหญ่ น้ำหนักรังสดสูง และน้ำหนักเปลือกรังดี มีเปอร์เซ็นต์เปลือกรังสูงขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรได้มากขึ้น
นายประกอบ เผ่าพงศ์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า การเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมในเขตภาคเหนือ เป็นการเลี้ยงไหมเชิงพาณิชย์ที่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมประกอบเป็นอาชีพหลัก มีผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อผลผลิตรังไหม ซึ่งกรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนไหมตามนโยบายตลาดนำการผลิต ในระบบเกษตรพันธสัญญา มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างกัน (Contract Farming) ซึ่งปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีความต้องการรับซื้อผลผลิตรังไหมจากเกษตรกร 5,000 ตันต่อปี แต่เกษตรกรผลิตรังไหมได้เพียง 2,000 ตันต่อปี ยังเป็นการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งสาเหตุหนึ่งพบว่าการที่เกษตรกรผลิตรังไหมได้จำนวนน้อย เนื่องจากขาดพันธุ์ไหมที่ให้ผลผลิตดีและมีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และการเลี้ยงในแต่ละฤดูกาล ส่งผลทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงสูงในการเลี้ยงไหมคือ มีประสิทธิภาพและเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดต่ำ จึงทำให้ในแต่ละปีผลผลิตรังไหมไม่เพียงพอต่อการป้อนส่งให้ผู้ประกอบการ
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในเชิงธุรกิจ กรมหม่อนไหมจึงได้วิจัยปรับปรุงไหมพันธุ์ไหมขึ้น เพื่อสร้างไหมที่มีความแข็งแรงและการเจริญเติบโตที่ดี สามารถเพิ่มผลผลิตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพเส้นไหม นั่นก็คือไหมพันธุ์ NAN X J108 (ลูกผสมระหว่างพันธุ์เอ็นเอเอ็นและพันธุ์เจ108) จากไหมรังสีเหลืองสายพันธุ์เอ็นเอเอ็น (NAN) ผสมกับไหมรังสีขาวพันธุ์ J108 ซึ่งเป็นพันธุ์ต่างประเทศ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่าไหมพันธุ์ใหม่ดังกล่าว สามารถเลี้ยงได้ดีให้ผลผลิตรังไหมสูงในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะในฤดูหนาวมากที่สุด มีลักษณะทางเกษตรที่ดี รังไหมสีเหลืองขนาดใหญ่ น้ำหนักรังสดสูง และน้ำหนักเปลือกรังดี มีเปอร์เซ็นต์เปลือกรังสูงขึ้น ประมาณ 20 – 21 เปอร์เซ็นต์ มีคุณลักษณะการสาวที่ดี สาวออกง่าย ให้ความยาวเส้นใยต่อรังมาก และสามารถเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตรังไหมได้สูง
“กรมหม่อนไหมมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในการเพิ่มผลิต จึงได้นำงานวิจัยมาช่วยปรับปรุงพันธุ์ไหมจนได้ไหมพันธุ์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกรมจะนำไหมพันธุ์ใหม่ดังกล่าวไปส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในเขตภาคเหนือเลี้ยงในฤดูหนาว สลับกับการเลี้ยงไหมพันธุ์ที่เลี้ยงอยู่เดิมคือพันธุ์ เหลืองสระบุรี(J108 x นางลายสระบุรี) ในฤดูอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตรังไหมได้มากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างมั่นคงต่อไป” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว