“ไทยวา” ดันสุดๆให้เกษตรกร ทำการเกษตรอัจฉริยะ “Smart Farming” เน้นนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการระบบการเพาะปลูกในทุก ๆ ขั้นตอน หลังพบว่าเกษตรกรในเครือข่ายที่นำการเกษตรแบบแม่นยำมาใช้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับวิธีการเพาะปลูกแบบดั้งเดิม พร้อมชูมันสำปะหลังสายพันธุ์ใหม่ “แวกซี่” ชี้จุดเด่นให้ผลผลิตและคุณภาพสูงด้วย
นางสาวหทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยวาในฐานะผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งและอาหารชั้นนำ เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการเกษตรยุคใหม่ได้ร่วมผลักดันการนำสมาร์ทฟาร์มมิ่งมาใช้ทั้งในแง่เทคโนโลยีและความรู้ เพื่อช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตต่อไร่และผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น เช่น การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลัง ระบบขนส่งผลผลิต การใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร รวมถึงวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้อง เพราะเชื่อว่าการเติบโตร่วมกับเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรของไทยในระยะยาว
ที่ผ่านมาไทยวาได้จัดโครงการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ให้แก่เกษตรกร ทดแทนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้แรงงานจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ให้ผลผลิตไม่แน่นอน โดยในขั้นตอนการเตรียมแปลงเพาะปลูก ไทยวาได้แนะนำให้รู้จักการใช้เครื่องปลูกมันสำปะหลังพร้อมยกร่องและใส่ปุ๋ย ที่ช่วยประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานลงได้อย่างมาก จึงวางแผนและเพาะปลูกได้เร็วขึ้น ส่วนในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ไทยวาได้แนะนำให้เกษตรกรใช้เครื่องขุดเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังกึ่งอัตโนมัติ หรือ TW Raptor ที่เก็บเกี่ยวได้รวดเร็ว ทำให้สามารถเตรียมแปลงเพาะปลูกรอบถัดไปหรือปลูกพืชบำรุงดินได้เร็วกว่าเดิม
นางสาวหทัยกานต์ กล่าวอีกว่า นอกจากการให้ความรู้เรื่องเครื่องจักรกลทางการเกษตรแล้ว ไทยวายังร่วมกับพันธมิตรในการนำ Precision agriculture หรือการเกษตรแม่นยำ มาประยุกต์ใช้ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเกษตรแบบดิจิทัลที่ทำให้สามารถวิเคราะห์และวางแผนได้อย่างแม่นยำ เป็นแนวทางบริหารจัดการที่เกษตรกรในประเทศพัฒนาแล้วนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว สามารถให้น้ำ ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชได้อย่างเหมาะสมทั้งในแง่ปริมาณและเวลา ถือเป็นหลักการบริหารจัดการเพาะปลูกในระดับแปลงหรือโรงเรือนที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าเกษตรกรในเครือข่ายของไทยวาที่นำการเกษตรแบบแม่นยำมาใช้ ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับวิธีการเพาะปลูกแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างของเทคโนโลยีเกษตรแบบแม่นยำที่ไทยวาร่วมพัฒนาให้กับเกษตรกรในเครือข่าย เช่น ระบบระบุตำแหน่งความแม่นยำสูง และการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกด้วยภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งให้ความแม่นยำในการตรวจวัดผลผลิตและพื้นที่เพาะปลูกได้สูงกว่า 90% นอกจากนี้ยังพัฒนาแอปพลิเคชันตรวจวัดสภาพอากาศที่สามารถวิเคราะห์และพยากรณ์อากาศและปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าได้ถึง 9 เดือน และมีความละเอียดในระดับวันและสัปดาห์
นอกจากนี้ไทยวายังนำการเกษตรแบบแม่นยำมาใช้เพิ่มคุณภาพของผลผลิต ผ่านโมเดลวิเคราะห์และประเมินคุณภาพมันสำปะหลัง เพื่อช่วยให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและราคารับซื้อที่น่าพอใจ ปัจจุบันโมเดลดังกล่าวสามารถวัดเปอร์เซนต์เชื้อแป้งได้แม่นยำถึง 70% และไทยวาตั้งเป้าจะพัฒนาความแม่นยำให้ได้ 90% ในอนาคต
ขณะเดียวกันบริษัทยังแนะนำมันสำปะหลังพันธุ์แวกซี่ให้แก่เกษตรกรในเครือข่าย ซึ่งเป็นมันสำปะหลังสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตและคุณภาพสูงกว่าเดิม และให้ลักษณะของแป้งที่เหนียวซึ่งเป็นที่ต้องการของหลายอุตสาหกรรม ทำให้มีราคารับซื้อสูงกว่าพันธุ์ทั่วไป นอกจากนี้ยังเพาะต้นพันธุ์ที่สะอาดปลอดโรคเพื่อแจกจ่ายให้กับชาวไร่ในเครือข่ายด้วย
ด้านนายอิษฎากร ดาราษฎร์ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เล่าว่า ตนเพิ่งเปลี่ยนมาปลูกมันสำปะหลังได้ 10 ปี เริ่มแรกยังไม่มีความรู้เลย ทำให้ได้ผลผลิตไม่แน่นอนและไม่คุ้มทุนเพราะต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีมาก แต่หลังจากไทยวาเข้ามาให้ความรู้และคำแนะนำ ช่วยวางระบบน้ำหยดและสอนการทำปุ๋ยน้ำหมักเพื่อฉีดพ่นทางใบ ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 30% และเมื่อ 2 ปีที่แล้วไทยวายังแนะนำให้ลองปลูกมันสำปะหลังพันธ์แว็กซี่ที่มีราคารับซื้อสูงกว่าพันธุ์ปกติถึง 50% ทำให้ผมและครอบครัวมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม จึงอยากเชิญชวนชาวไร่คนอื่นๆ มาลองปลูกมันสำปะหลังแบบสมาร์ทฟาร์มมิ่ง เพราะมีข้อดีมากกว่าเดิมจริงๆ”
ส่วน นางอารีรัตน์ หอมอ่อน เกษตรกรอีกท่านหนึ่งในอำเภอหนองวัวซอ เปิดเผยว่า “ครอบครัวเราเคยปลูกมันสำปะหลังแบบดั้งเดิม พอมีภัยธรรมชาติหรือฝนแล้งก็ไม่รู้จะปรับตัวยังไง แต่พอไทยวาเข้ามาแนะนำกพบว่าได้ผลผลิตดีและมันสำปะหลังหัวใหญ่ขึ้น ถึงบางปีจะเจอฝนแล้งแต่ต้นมันสำปะหลังก็ยังแข็งแรงอยู่รอดเพราะเรารู้วิธีการดูแล เช่น บำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักจากเปลือกมันสำปะหลัง และเพิ่มอินทรีย์วัตถุในพื้นที่เตรียมปลูก แต่ก่อนจะเน้นใส่ปุ๋ยเคมีมากๆ แต่เมื่อลองใช้ปุ๋ยหมักพบว่าต้นทุนลดลง ได้ผลผลิตมากขึ้นจากเดิมที่ได้ไร่ละ 5 ตัน ก็สูงขึ้นเป็น 8 – 10 ตัน ตอนนี้ไทยวายังเข้ามาช่วยติดตั้งระบบน้ำหยด และแนะนำให้ปลูกมันสำปะหลังพันธ์แว็กซี่ที่มีราคารับซื้อดี อยากแนะนำให้ชาวไร่มันสำปะหลังคนอื่นๆ หันมาปลูกมันสำปะหลังพันธุ์นี้ และมาลองทำการเกษตรแบบใหม่ตามที่ไทยวาแนะนำ เพราะยังมีอะไรดีๆ อีกมากที่เรายังไม่เคยรู้”
ทั้งหมดนี้คือความสำเร็จในการส่งเสริมสมาร์ทฟาร์มมิ่งของไทยวา เพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยอยู่ดีกินดี และทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรของไทยแข่งขันได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ความร่วมมือร่วมใจเหล่านี้จะก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรไทยต่อไป