ดลมนัส กาเจ
หากย้อนไปเมื่อปี 2438 ที่ นายหรั่ง แซ่โค้ว นำกิ่งตอนต้นชมพู่เพชรสายรุ้ง จำนวน 3 กิ่ง มาปลูกปลูกบริเวณแม่น้ำเพชรบุรี ในพื้นที่ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ร่วมเวลาย่างเข้า 128 ปีในปี 2566 อันนี้เฉพาะในพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเพชรบุรี แต่ในความเป็นจริงมีเรื่องเล่าว่า ชมพู่เพชรสายรุ้ง ปลูกในจังหวัดเพชรบุรีมาตั้งแต่ปี ในปี 2378 โดยพระครูญาณวิมล (หลวงพ่อพ่วง) เจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของวัดศาลาเขื่อน เป็นคนแรกที่นำชมพู่เพชรสายรุ้ง มาปลูกหน้าวัดศาลาเขื่อน ตำบลตำหรุ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
สอดคล้องกับการเล่าของนายยุทธนา เมืองเล็ก นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) หนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสวนชมพู่เพชรสายรุ้งตำบลหนองโสน ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ถนนเพชรบุรี-บ้านแหลม ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองจังหวัดเพชรบุรี ว่า ความจริงชมพู่เพชรสายรุ่งนำต้นพันธุ์มาจากที่อื่น แต่พอมาปลูกบริเวณริมแม่น้ำเพชรบุรี กลายพันธุ์ที่ดีขึ้น อาจมาจากบริเวณนี้มีอินทรียวัตถุอุดมสมบูรณ์ จึงเติบโตให้ผลผลิตที่ดี สีสวย และมีรสชาติอร่อย หวานถูกใจ กระทั่งวันที่ 12 มกราคม 2553 ได้ขึ้นทะเบียนบ่งชี้ทางภูมิศาสตร (GI) ชมพูเพชร ทำให้พื้นที่อื่นที่นำไปปลูกไม่สามารถใช้ชื่อ “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” ได้
นั่นเป็นการบ่งบอกถึงชมพู่เพชรสายรุ้ง เป็นพืชเศรษฐกิจที่อยู่คู่กับเมืองเพชรมายายนาน จนปัจจุบันชมพู่เพชรสายรุ้ง มีชื่อเสียงเรียงนามจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และเป็นชมพู่ที่ราคาแพงที่สุด กก.ละ 300-400 บาท อย่างที่มีคนพูดว่า คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อ เพราะกลายเป็นสินค้าฝากให้คนที่เครพนับถือกัน ขณะเดียวกันผลชมพู่เพชรสายรุ้ง ที่สำคัญไม่เพียงแต่ราคาแพงเท่านั้นหากแต่ละปีออกผลผลิตดกด้วยในแต่ละต้นกว่า 100 กก.ทำให้เกษตรกรที่ปลูกมีรายได้ดี ปลูกเพียง 1 ต้นมีรายได้ 3-5 หมื่นบาท
นางสาวพาขวัญ ไชยนันทน์ เลขานุการนายก อบต.หนองโสน บอกว่า ชมชูเพชรสายรุ้งมีจุดเด่นอีกอย่างคือผลที่ยังอ่อน มีรสชาตที่ต่างกับชมพู่สายพันธุ์อื่นคือมีรสที่เปรี้ยวอมความอร่อยภายในตัว ทางวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสวนชมพู่เพชรสายรุ้งตำบลหนองโสน จึงนำมาแปรรูปเนื่องจากในแต่ละรุ่นมีผลดกต้องคัดผลออกมา และนำมาแปรรูปทำเป็นเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือทำเป็นส้มตำชมพู่เพชรสายรุ้ง ยำ แม้แต่รับประทานกับขนมจีนก็อร่อย (รายละเอียดในคลิป) สนใจรายละเอียด โทร. 08-5191-5588