“เฉลิมชัย” เดินหน้าและตั้งเป้าในปี 2566 เนรมิต จ.ประจวบขีรัขันธ์ ให้เป็น “มหานครสับปะรดของโลก” หลังไทยยืนหนึ่งแชมป์โลกส่งออกสับปะรด ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ครองสัดส่วนตลาดโลก 32%
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นประธานเปิดงานและบรรยายในการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 ครั้งที่ 38 สหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด ณ สำนักงานสหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ นายอำเภอสามร้อยยอด สหกรณ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนราชการต่าง ๆ นายชาญชัย ธนะกมลประดิษฐ์ ประธานและคณะกรรมการอำนวยการสหกรณ์และสมาชิกให้การต้อนรับ
นายอลงกรณ์ กล่าวบรรยายว่า สถานการณ์การเพาะปลูกและผลผลิตสับปะรดในปี 2565 มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 457,255 ไร่ คิดเป็นปริมาณผลผลิต 1.772 ล้านตัน โดยแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี พิษณุโลก และระยอง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.39 ร้อยละ 2.68 และร้อยละ 2.27 ตามลำดับ ทางด้านราคา ตั้งแต่ปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ราคาอยู่ในเกณฑ์ดีทำให้เกษตรกรรายใหม่ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ศักยภาพของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์สับปะรดกระป๋องเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ครองสัดส่วนตลาดโลก 32% ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 22% ซึ่งพื้นที่ปลูกสับปะรดมากที่สุด และมีโรงงานสับปะรดมากที่สุดคือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงเป็นเสมือนมหานครสับปะรดของไทยและของโลก โดยการบริหารจัดการสับปะรดเชิงโครงสร้างและระบบ และการกำหนดแผนและเป้าหมายการเป็นมหานครสับปะรดของโลก ภายใต้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน ได้ปรับแผนเดิมเป็นแผนใหม่รับมือวิกฤติโควิด19 เรียกว่าแผนพัฒนาสับปะรด ปี 2563 – 2565 พร้อมกับจัดทำแผนพัฒนาสับปะรด 5 ปี (2566 – 2570) เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตการแปรรูปและการตลาด
สำหรับการขับเคลื่อนสำคัญในปีหน้า ตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน คือการจัดตั้ง “มหานครสับปะรด Pineapple metropolis” ที่ประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่แหล่งผลิตหลักจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี และการยกร่างกฎหมายการพัฒนาผลไม้เศรษฐกิจ (สับปะรด ทุเรียน ลำไย ฯลฯ) มีกองทุนพัฒนาผลไม้เป็นกลไกสำคัญเพื่อยกระดับรายได้ของชาวไร่สับปะรด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสับปะรดตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างยั่งยืนด้วยแนวทางเกษตรมูลค่าสูง