กรมส่งเสริมการเกษตร ยกทีมสำรวจพื้นที่น้ำท่วมเพื่อให้ความช่วยเหลือ-เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัย พบล่าสุดที่ประสบอุทกภัย 49 จังหวัด พื้นที่การเกษตรยับเยินกว่า 3 ล้านไร่ เป็นนาข้าวมากที่กว่า 1.8 ล้านไร่ ตามด้วยพืชไร่และพืชผัก 1,306,371.00 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 27,700.25 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบเกือบ 3.6 แสนราย
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมบูรณาการเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้ได้มากที่สุด และมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดทีมลงสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากการสำรวจในพื้นที่การเกษตรที่ประสบกับอุทกภัยพบว่า ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2565 พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว จำนวน 49 จังหวัด มีพื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย จำนวน 3,150,022.75 ไร่ แบ่งออกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ภาคกลาง 7 จังหวัด ภาคตะวันออก 6 จังหวัด ภาคตะวันตก 4 จังหวัด ภาคใต้ 1 จังหวัด โดยแยกเป็น ข้าว 1,815,951.50 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,306,371.00 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 27,700.25 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 358,581 ราย
จากเหตุการที่เกิดขึ้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ แล้ว 33 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กรุงเทพ ชัยนาท ปทุมธานี อยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี จันทบุรี ระยอง สระแก้ว กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา เลย บุรีรัมย์ หนองคาย หนองบัวลำภู สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม สุพรรณบุรี และจังหวัดภูเก็ต
สำหรับเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช ยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564
ทั้งนี้ เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย มีพื้นที่เสียหายจริง อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ และให้การช่วยเหลือไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ โดยมีอัตราดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่
นายเข้มแข็ง กล่าวอีกว่า นอกจากการเร่งรัดให้สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องแล้ว การเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรหลังเหตุอุทกภัยคลี่คลาย ได้มีมาตรการรองรับเรียบร้อยแล้ว ทั้งการเตรียมสำรองพืชพันธุ์ดี ทดแทนต้นพันธุ์ที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์พืชผัก 367,400 ซอง ต้นพันธุ์พืชผัก 106,300 ต้น และต้นพันธุ์ไม้ผลไม้ยืนต้น 9,660 ต้น
นอกจากนี้เตรียมผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มา ได้แก่ เชื้อพร้อมใช้ 8,200 กิโลกรัม และหัวเชื้อชั้นขยาย 11,500 ขวด ซึ่งเชื้อราไตรโคเดอร์มา สามารถใช้ในการควบคุมโรคพืชได้หลายชนิด ทั้งบริเวณราก ลำต้น และใบ เช่น โรครากเน่าโคนเน่า โรคใบติดของทุเรียน โรคเน่าคอดิน โรคกาบใบแห้งของข้าว โรคเหี่ยว โรคแอนแทรคโนสของพริก เป็นต้น โดยสำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรต่อไป