ชูหนุ่มใหญ่แห่งคีรีรัฐนิคม นักสู้จากคนกรีดยาง-ซื้อขี้ยางสู่เกษตรอินทรีย์ดีเด่นเจ้าของสวนทุเรียน 10 ไร่

  •  
  •  
  •  
  •  
กรมวิชาการเกษตร ชูหนุ่มใหญ่เมืองคนดี สุรษฎร์ธานีวัย 50 ปี “สานนท์ พรัดเมือง” ผู้พลิกชีวิตจากเถ้าแก่รับซื้อขี้ยาง มาเป็นเจ้าของสวนทุเรียน บนพื้นที่ 10 ไร่ ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม มอบรางวัลเกษตรกร GAP และเกษตรอินทรีย์ ดีเด่น ประจำปี 2565 ในงานแถลงผลงานและประกาศเกียรติคุณผู้เกษียณอายุราชการ กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2565 เผยชีวิตกว่า่จะถึงวันนี้ต่อสู้อุปสรรคสารพัดจนชนะด้วยเกษตรอินทรีย์ เอาของเหลือมาเป็นประโยชน์ทำให้ชีวิตประสบผลสำเร็จอย่างงดงามในวันนี้

       นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปี 2565 ในโอกาสที่กรมวิชาการเกษตรมีอายุครบ 50 ปี มีการจัดงานแถลงผลงานทางวิชาการอย่างยิ่งใหญ่ ในงานกรมวิชาการเกษตรพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นที่ผลิตพืชตามมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณ และเผยแพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จัก ยึดถือแนวทางการปฏิบัติงานเป็นแบบอย่าง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกรตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้ในปี 2565 นี้กรมวิชาการเกษตรได้คัดเลือกให้ นายสานนท์ พรัดเมือง เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียน บนพื้นที่ 10 ไร่ ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) โดยนายสานนท์ได้ทำสวนทุเรียนด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะผลิตทุเรียนให้มีรสชาติอร่อย ผลผลิตมีคุณภาพ คงไว้ซึ่งมาตรฐาน ภายใต้แนวความคิดพัฒนาและแบ่งปันความรู้

นายสานนท์ เดิมประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยางและรับซื้อเศษยางเป็นระยะเวลา 5 ปี ในเวลาต่อมาผู้ประกอบการมากขึ้น ราคายางลดลง จึงเปลี่ยนแนวคิด ตัดสินใจซื้อที่ดินจำนวน 12 ไร่ และได้ทดลองปลูกทุเรียน ในตอนแรก เกิดปัญหาและอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคแมลง ผลผลิตมีน้ำหนักน้อยไม่มีคุณภาพ และสภาพต้นโทรม จึงได้วิเคราะห์หาสาเหตุ

          จนมีวิธีจัดการกับปัญหาดังกล่าว จึงตัดสินใจโค่นยางพารา 7 ไร่เพื่อปลูกทุเรียนทั้งหมด และยื่นขอรับรองแหล่งผลิตทุเรียนกับ สวพ.7 ในปี 2557 และได้การรับรองแหล่งผลิต GAP กับกรมวิชาการเกษตร จนปัจจุบันเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบความสำเร็จในเรื่องการผลิตทุเรียนให้ได้คุณภาพ และเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “สวนคุณสานนท์ สามารถเลือกที่จะขายกับล้งไหนก็ได้ เพราะผลผลิตทุเรียนที่ออกจากสวนคุณสานนท์เป็นทุเรียนที่มีคุณภาพ”

ในระบบการผลิต นายสานนท์ ให้น้ำโดยใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ สั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือ การติดตั้งกล้อง CCTV ติดตั้งไฟแสงสว่างในสวน ปิด-เปิดผ่านโทรศัพท์เช่นกัน มีการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในกระบวนการผลิต และมีการเก็บตัวอย่างดินจากอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์สารพิษตกค้าง ก่อนการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแต่ละครั้ง มีการศึกษาการเข้าทำลายของศัตรูพืชแต่ละชนิดกับระยะการเจริญเติบโตของพืช และมีการสำรวจโรคแมลงศัตรูพืชก่อน เพื่อจะได้ใช้กลุ่มใช้สารเคมีที่ถูกต้อง  และใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรตามความจำเป็น

        ใช้วิธีการตัดหญ้าแทนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช แล้วนำเศษพืช วัชพืชทำปุ๋ยหมัก มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในรูปปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกช่วยเพิ่มธาตุอาหารพืชในดินและยังช่วยทำให้ดินโปร่งร่วนซุย ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาเพื่อรักษา ป้องกัน โรครากเน่า โคนเน่าในทุเรียน ใช้เชื้อบาซิลลัสกำจัดหนอนและยังสามารถใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อ ศัตรูพืชหลายชนิดที่ดื้อต่อสารเคมีได้ดี ใช้เชื้อบิวเวอเรีย เมทาไรเซียม น้ำส้มควันไม้ ป้องกันกำจัดหนอนและแมลงได้หลากหลายชนิด ทั้งแมลงปากกัดและปากดูด

นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์รถพ่นสารเคมีจากเดิมเป็นรถตุ๊ก ๆ ซึ่งมีกำลังน้อยไม่สามารถใช้ในพื้นที่สวนของตนเองได้ จึงได้นำรถยนต์ 4 ประตูซึ่งมีกำลังมากมาปรับใช้เพื่อลดการใช้แรงงานคนและเพื่อความปลอดภัยของผู้พ่น พร้อมกับมีการวางแผนการผลิตทุกปี เน้นให้ผลผลิตออกในช่วงที่ผลผลิตอื่นไม่มีออกสู่ตลาด และพัฒนาคุณภาพเพื่อการส่งออก จึงสามารถต่อรองราคากับผู้ซื้อได้