กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียน ฝนชุก อากาศร้อนชื้นสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการระบาดของโรครากเน่า โคนเน่า และผลเน่าทุเรียน ชี้เป็นโรคสำคัญอันดับ 1 ของทุเรียน เกิดจากเชื้อรา ทำลายได้ทุกส่วนทั้งราก ลำต้น กิ่ง ใบ และผล อาการรุนแรงสุดถึงขั้นยืนต้นตาย แนะชาวสวนป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ เน้นย้ำเชื้ออาศัยอยู่ในดินดังนั้นต้องไม่ให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวแล้วสัมผัสดิน
นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนอากาศร้อนชื้นซึ่งทั้งสภาพอากาศและสภาวะแวดล้อมเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดโรครากเน่า โคนเน่า และผลเน่า สาเหตุจากเชื้อรา Phytophthorapalmivora ซึ่งเป็นโรคสำคัญที่สุดของทุเรียนเนื่องจากทำให้ต้นทุเรียนที่กำลังเจริญเติบโตและให้ผลผลิตแล้วยืนต้นตายได้
ศรุต สุทธิอารมณ์
ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนเฝ้าระวังการเกิดโรคดังกล่าวโดยเฉพาะในช่วงพัฒนาผลและเก็บผลผลิต โดยอาการที่รากจะเห็นใบที่ปลายกิ่งมีสีซีดไม่เป็นมันเงา เหี่ยวลู่ลง เมื่ออาการรุนแรงมากขึ้นใบจะเหลืองและหลุดร่วง เมื่อโรครุนแรงอาการเน่าจะลามไปยังรากแขนงและโคนต้น ทำให้ต้นทุเรียนโทรมและยืนต้นตาย
อาการที่กิ่งและที่ลำต้นหรือโคนต้นทุเรียนแสดงอาการใบเหลืองเป็นบางกิ่ง สังเกตเห็นคล้ายคราบน้ำบนผิวเปลือกของกิ่ง หรือต้น ถ้าแผลขยายใหญ่ลุกลามจนรอบโคนต้น จะทำให้ทุเรียนใบรวงจนหมดต้น และยืนต้นแห้งตาย อาการที่ใบ ใบอ่อนแสดงอาการเหี่ยว เหลือง บริเวณแผลมีลักษณะฉ่ำน้ำ สีน้ำตาลอ่อน และเปลี่ยนเป็นสีดำ เส้นใบมีสีน้ำตาลดำ เกิดอาการไหม้แห้งคาต้นอย่างรวดเร็วแล้วค่อย ๆ ร่วงไป
พบมากช่วงฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันอาการที่ผล เกิดจุดแผลขนาดเล็กสีน้ำตาลดำบนผล จุดแผลจะขยายใหญ่ลุกลามมากขึ้นตามการสุกของผล ในสภาพที่มีความชื้นสูงอาจพบเส้นใยสีขาวของเชื้อราสาเหตุโรคบนแผล โดยพบอาการโรคได้ตั้งแต่ผลที่ยังอยู่บนต้น ซึ่งถ้าอาการรุนแรงมากผลจะเน่าร่วงหล่นก่อนกำหนด โรคผลเน่าพบได้ตั้งแต่ระยะผลอ่อนแต่ส่วนใหญ่มักพบในผลช่วง 1 เดือนก่อนเก็บเกี่ยวจนกระทั่งเก็บเกี่ยว และระหว่างการบ่มผลให้สุก