“มนัญญา” เดินหน้าส่งเสริมปลูกพืชสมุนไพร (ฟทจ.) สู้ภัยโควิด ล่าสุด Kick Off เปิดโครงการฯของสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตรที่พิจิตร มีเกษตรกรประเดิมก่อน 18 ราย กรมวิชาการเกษตรแจกพันธุ์ต้นกล้า 63,000 ต้น
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดงาน Kick Off โครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร (ฟ้าทะลายโจร) สู้ภัยโควิด-19 ของสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตร ณ แปลงปลูกฟ้าทะลายโจร ของสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด ตำบลทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 21 ส.ค.64ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายขับเคลื่อนการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับผู้ผลิตยาฟ้าทะลายโจรเป็นยาต้านไวรัสโควิด19 และได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจรในสถาบันเกษตรกร
โดยกรมวิชาการเกษตร จะสนับสนุนกล้าพันธุ์ที่มีสารแอนโดรกราโฟไลค์สูง ให้กับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งผลที่ได้รับจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และอนาคตอาจจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ จะเป็นโอกาสให้กับสหกรณ์ในการต่อยอด ขยายการส่งเสริมและเพิ่มพื้นที่ปลูกให้กับสมาชิกสหกรณ์รายอื่นๆ รักษาเสถียรภาพด้านปริมาณ และราคาให้เกิดความสมดุล ส่งเสริมให้ประชาชนใช้พืชสมุนไพรไทยเป็นทางเลือกในการบำบัด ควบคุม และรักษาโรคเพิ่มขึ้น
ด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า การจัดทำโครงการฯ ในครั้งนี้ มีเป้าหมายคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมจำนวน 500 ไร่ มีเป้าหมายในปี 2564 จำนวน 100 ไร่ และปี 2565 จำนวน 400 ไร่ ในพื้นที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยจะมีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ปลูกฟ้าทะลายโจรเพื่อแปรรูปป้อนเข้าสู่ตลาด โดยได้กำหนดวิธีการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
สำหรับการ Kick Off ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มโครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร (ฟ้าทะลายโจร) สู้ภัยโควิด-19 ของสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตร ซึ่งจังหวัดพิจิตรมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ จำนวน 5 สหกรณ์ สมาชิก 59 ราย พื้นที่ปลูก 60 ไร่ ในลำดับแรก มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการนำร่อง จำนวน 2 สหกรณ์ สมาชิก 18 คน พื้นที่ปลูกรวม 8 ไร่ ได้รับการสนับสนุนกล้าพันธุ์ฟ้าทะลายโจรจากกรมวิชาการเกษตร รวม 63,000 ต้น ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรโพทะเล จำกัด จำนวน 33,000 ต้น และสหกรณ์การเกษตรตะพานหิน จำกัด จำนวน 30,000 ต้น และจะขยายผลต่อไป