กรมวิชาการเกษตร ออกเตือนเกษตรกรผู้ปลูกงา ช่วงภาพอากาศร้อนและมีฝนตกในระยะนี้ ต้องเฝ้าระวังการเข้าทำลายของหนอนห่อใบงา มักพบการเข้าทำลายในระยะตั้งแต่ต้นงาเริ่มงอกพ้นผิวดินยันถึงอายุ 30 วัน อาจทำให้ทำให้ผลผลิตงาเสียหายถึง 40% พร้อมแนะการกำจัดอย่างถูกวิธี

    กรมวิชาการเกษตร แจ้งว่า สภาพอากาศร้อนและมีฝนตกในระยะนี้แนะเกษตรกรผู้ปลูกงาเฝ้าระวังการเข้าทำลายของหนอนห่อใบงา มักพบการเข้าทำลายในระยะตั้งแต่ต้นงาเริ่มงอกพ้นผิวดินจนถึงระยะที่ต้นงาอายุ 30 วัน โดยหนอนห่อใบงาจะเข้าทำลายด้วยการชักใยดึงใบงามาห่อตัวไว้แล้วกัดกินใบ ถ้าหนอนห่อใบงาเข้าทำลายตั้งแต่ต้นอ่อน ต้นงาจะตาย ทำให้ต้องปลูกซ่อมใหม่ เมื่อต้นงาโตขึ้น หนอนห่อใบงาจะเข้าทำลายบริเวณยอดอ่อน ดอก ใบ และฝัก ทำให้ผลผลิตงาเสียหาย 27-40%

       หากพบการระบาดของหนอนห่อใบงา ให้เกษตรกรใช้กับดักแสงไฟดักผีเสื้อกลางคืน (ตัวเต็มวัยของหนอนห่อใบงา) ไม่ให้มาวางไข่ได้ เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตและตัดวงจรการระบาดของหนอนห่อใบงา สำหรับในระยะที่เริ่มปลูกงา เกษตรกรควรหมั่นสังเกตตรวจดูการเข้าทำลายของหนอนห่อใบงา 

      อย่างไรก็ตาม หากพบหนอนห่อใบงาเข้าทำลายต้นอ่อนงามากกว่า 2 ตัวต่อแถวปลูกงาที่มีความยาว 1 เมตร ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารฆ่าแมลงไตรอะโซฟอส 40% อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคาร์โบซัลแฟน 20% อีซี อัตรา 60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือพ่นติดต่อกัน 3 ครั้งเมื่อต้นงามีอายุ 5 วัน  20 วัน และ 40 วัน