รองโฆษก พปชร.วอน “สมศักดิ์” ไล่บี้กรมคุก ช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกตามลุ่มน้ำปากพนังหลังถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอย่างหนักจนขาดทุนยับ

  •  
  •  
  •  
  •  


.
 รองโฆษกพรรคประชารัฐ “สัณหพจน์ สุขศรีเมือง” วอน “สมศักดิ์” ไล่บี้กรมราชทัณฑ์ ช่วยรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรที่ปลูกตามลุ่มน้ำปากพนัง ทั้งฟักทอง พริก ฟักเขียว เพื่อนำใช้ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ต้องขังในเรือนจำ หวังช่วยแก้ปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ หลังจากที่ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอย่างหนัก ต้องขายในราคาที่ขาดทุน ขณะที่กลไก “เกษตรผลิตพาณิชย์ทำการตลาด” ไม่ได้ผล พร้อมวางแผนก๊อกสองระยะยาว ให้มีการรวมกลุ่มแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตต่อไป

      นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องเกษตรผู้ปลูกฟักทอง ในพื้นที่ 3 อำเภอลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และอ.ปากพนัง ว่ามีผลผลิตต่อฤดูกาลประมาณ 4,000-5,000 กก. เจอพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อผลผลิตทำให้เกษตรกรต้องขายในราคาขาดทุน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มีกลุ่มนายทุน ในตลาดกลางนครศรีฯ ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลาง ได้นำเมล็ดพันธุ์ฟักทอง และปุ๋ยมาให้เกษตรกร พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่ โดยสัญญาว่าจะรับซื้อผลผลิตในราคาดี แต่เมื่อผลผลิตออกมาแล้วกลับรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่าทุน

      “ก่อนหน้านี้ตามมาตรฐานของผลฝักทองคือ 5 กก.แต่มาปรับปรับขึ้นมาอีก 1 กก.เป็นผลละ 6 กก.ซื้อในราคา กก.ละ 4 บาท ราคาขนาดกลาง ฟักทองที่มี 6 กก.ลงมา กก.ละ 3 บาท และไม่รับซื้อ ฟักทองที่มีลักษณะบิดเบี้ยว รูปทรงไม่สวยงาม จากก่อนหน้านี้เคยรับซื้อที่ 3 บาททำให้เกษตรเดือดร้อน เนื่องจากขายผลผลิตได้ในราคาต่ำกว่าทุนที่อยู่ประมาณ กก.ละ 5-6 บาท ขณะที่ผลผลิตบางส่วนจำเป็นต้องทิ้ง” นายสัณหพจน์   กล่าว

      ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนเตรียมนำข้อเดือดร้อนดังกล่าวของเกษตรกร เข้าหารือร่วมกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อประสานให้กรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะเรือนจำในพื้นที่ภาคใต้ ได้เข้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง นำไปใช้ประกอบอาหารให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งจะได้วัตถุดิบประกอบอาหารที่มีคุณภาพดี ตรงตามฤดูกาลให้กับผู้ต้องขัง และสามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกษตรกร ในเบื้องต้น

      ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัจจุบันกลไกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ที่นำนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ทำการตลาด” วันนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ เนื่องจากการแทรกแซงของนายทุน และพ่อค้าคนกลาง ดังนั้นต่อจากนี้จึงจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ และนโยบายใหม่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของ “พริกเขียวหัวไทร” หรือพริกขี้หนูดวงมณีที่มีปัญหาราคาตกต่ำก่อนหน้นี้

     ล่าสุด ตนได้ประสานผู้ส่งออกโดยตรงในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ขณะที่ในระยะกลางได้เตรียมพื้นที่ สหกรณ์การเกษตรหัวไทร เพื่อรองรับห้องเย็นประมาณ 50 ตู้ ขนาดบรรจุ 28ตัน/ตู้ ซึ่งจะช่วยรักษาผลผลิตในช่วงที่ราคาตกต่ำก่อนที่จะนำออกมาขายเมื่อราคากลไกตลาดเข้าสู่ภาวะปกติ โดยห้องเย็นดังกล่าวจะสามารถรักษาผลผลิตของเกษตรกร และอาหารทะเลให้สดใหม่ เพื่อรอจำหน่ายต่อไปได้

     ขณะเดียวกันตนได้เตรียมประสานกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แนะนำการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิต สร้างรายได้ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรต่อไป