กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้าสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาสมาชิกสถาบันเกษตรกรต่อ ล่าสุดกำลังจัดทำพิกัดแผนที่บริเวณแหล่งน้ำของสมาชิกเฟสสอง เพื่อง่ายต่อการติดตามผลการดำเนินงาน และลดปัญหาความซ้ำซ้อนในการสนับสนุน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2564
นายบรรจง ชัยขุนพล ผู้อำนวยการกองพัฒนาสนับสนุนการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กำลังจัดทำพิกัดแผนที่บริเวณแหล่งน้ำของสมาชิก หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติจัดสรรเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาให้กับสมาชิกสถาบันเกษตรกรระยะสอง วงเงิน 500 ล้านบาท เมื่อวันที่24กุมภาพันธ์ 2563
บรรจง ชัยขุนพล
ทั้งนี้มีระยะเวลาดำเนินงาน 6 ปี ตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2563 – 2568 โดยปลอดการชำระหนี้ 2 ปีแรกมีสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 10,250 ราย ขุดสระเก็บกักน้ำ 3,234 ราย ขุดเจาะบ่อบาดาล 6,871 ราย และจัดหาเฉพาะอุปกรณ์ 145 ราย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการติดตามผลการดำเนินงานและลดปัญหาความซ้ำซ้อนในการสนับสนุนสมาชิก/เกษตรกรในอนาคต คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2564
สำหรับผลการการขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกรระยะแรก ที่ี ครม. อนุมัติจัดสรรเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนเงิน 300 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาให้กับสมาชิกสถาบันเกษตรกร โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559 – 2564 เพื่อให้สถาบันเกษตรกรเป็นแหล่งรับเงินทุนดังกล่าว เพื่อนำไปสนับสนุนเงินกู้แก่สมาชิกในการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเองให้สามารถบริหารจัดการน้ำ ได้เพียงพอตลอดฤดูกาลผลิตและตลอดทั้งปี ทั้งการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำประมง นั้น
ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้สมาชิกสถาบันเกษตรกรมีการขุดสระน้ำเจาะบ่อบาดาลและจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อกักเก็บน้ำ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร สามารถปลูกพืชผลการเกษตรหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี ซึ่งขณะนี้ มีสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรได้รับประโยชน์ จำนวน 6,010 รายแบ่งเป็นขุดสระเก็บกักน้ำ 2,016 รายขุดเจาะบ่อบาดาล 2,715 ราย และจัดหาเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเช่น เครื่องสูบน้ำ ท่อส่งน้ำในระบบน้ำหยดหรือพ่นละอองน้ำ จำนวน 1,279 ราย