เครือซีพีชูความสำเร็จ “โมเดลกาแฟสร้างอาชีพ” คาดปีแรกสร้างรายได้เข้าชุมกว่า 3 แสนบาท

  •  
  •  
  •  
  •  

ครือซีพีชูความสำเร็จ “โมเดลกาแฟสร้างอาชีพ” ที่บ้านกองกาย อ.แม่แจ่มจ.เชียงใหม่ เผยผลเก็บเกี่ยวผลผลิตปีแรก คาดจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้ถึง 3 แสนบาท ส่งต่อวิสาหกิจชุมชนแม่แจ่ม เพื่อนำไปแปรรูปและปั้นแบรนด์กาแฟคุณภาพ ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

     ตามที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ขับเคลื่อนแผนงานด้านความยั่งยืนควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนด้วยการผสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสนับสนุนการดำเนินงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ก่อเกิดเป็นธุรกิจเพื่อสังคม(Social Enterprise : SE) ภายใต้ “โมเดลกาเเฟสร้างอาชีพ” ในพื้นที่บ้านกองกาย อ..แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 33 ครัวเรือน  จนเกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรที่เข้มแข็งแบ่งปันความรู้ภายในชุมชน โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ก้าวสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวกาแฟเชอรี่ และการรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลา ของชุมชนเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร คาดว่า จะมีปริมาณผลผลิตอยู่ที่ 6-7 ตันจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้มากถึง 300,000 บาท จากที่ราคารับซื้อกาแฟอยู่ที่กิโลกรัมละ16.50 บาท ถือเป็นราคารับซื้อในกาแฟเกรด A พร้อมส่งต่อแก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่แจ่มเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพและจำหน่ายต่อไป

      ล่าสุดนางสาวพิไลลักษณ์ พิชัยวัตต์ ผู้จัดการทั่วไปด้าน Social Enterprise หน่วยงานพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐธรรมาภิบาลเเละสื่อสารองค์กร บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) กล่าวว่า หมู่บ้านกองกาย อ..แม่แจ่มจ.เชียงใหม่ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ต้นแบบการเปลี่ยนแปลงที่เครือซีพี เลือกเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ก่อเกิดเป็นธุรกิจเพื่อสังคม(Social Enterprise : SE) ภายใต้โครงการ ภายใต้ “โมเดลกาเเฟสร้างอาชีพ” ที่เริ่มในปี 2560 ในการพัฒนาภายใต้เเม่เเจ่มโมเดล ปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้วยการปลูกพืชแบบผสมผสาน และมีจำนวนต้นไม้ที่ดูแลตลอดทั้งโครงการจำนวน 40,102 ต้น ในพื้นที่ 93 ไร่ดึงศักยภาพของชุมชนออกมาและพัฒนาของเกษตรกรในพื้นที่ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวคือ ข้าวโพด มาเป็นการปลูกกาแฟที่สามารถสร้างรายได้  พร้อมนำองค์ความรู้และทักษะด้านบริหารจัดการตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำปลายน้ำโดยมีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากเครือซีพีให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

      ทั้งนี้ ผลผลิตกาแฟฟื้นป่าบ้านกองกายได้ขยายผลต่อยอดสู่ “วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)” มีการจัดการที่ดีตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพส่งมอบสู่ตลาดเพื่อสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยเครือซีพีได้ทำหน้าที่เป็นตลาดในการรับซื้อกาแฟเชอร์รี่สดส่งต่อมาที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่แจ่มเพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพภายในพื้นที่และจัดจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการต่อไป ซึ่งในอนาคต เครือซีพีและกลุ่มวิสาหกิจบ้านกองกาย มีความตั้งใจสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เกิดแบรนด์กาแฟชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมขยายการรับรู้ในวงกว้างเพื่อเป็นแนวทางสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ในชุมชน ให้คิดค้นพัฒนาสินค้าชุมชนอย่างต่อเนื่องไปจนถึงการสร้างโรงแปรรูปกาแฟพร้อมเครื่องจักรในการผลิตที่ครบวงจรในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

       ด้านนายสมเกียรติ มีธรรม เลขานุการมูลนิธิฮักเมืองแจ่ม กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่เห็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่พร้อมใจขับเคลื่อนสู่วิสาหกิจชุมชนเข้มแข็ง และต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการจัดระบบบริหารจัดการอย่างถูกต้องและเข้าใจง่ายซึ่งผลผลิตปีแรกครั้งนี้ถือเป็นความภูมิใจของเกษตรกรและคนในพื้นที่แม่แจ่มต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำให้คนในพื้นที่มีการปรับเปลี่ยนอาชีพและทำให้เห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มวิสาหกิจที่เป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จที่สามารถขับเคลื่อนและช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก่อเกิดแนวคิดการพัฒนาบ้านเกิดให้กลายเป็นโมเดลต้นแบบต่อไปในอนาคต

      ส่วนนายสุภพ เทพวงศ์หรือ หรืออาจารย์แม้ว นักวิชาการด้านพืชกาแฟ ที่ปรึกษาในโครงการ 4 พื้นที่ต้นน้ำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่มีการเรียนรู้ที่รวดเร็ว สถานที่เพาะปลูกมีความเหมาะสมส่งผลให้ปีนี้ได้ผลผลิตที่น่าพอใจและแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งจากการรวมกลุ่มเกิดการผสานความรู้ระหว่างนักวิชาการและเกษตรกรให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะผลักดันให้มีการพัฒนาเพื่อพร้อมเดินหน้าสู่ตลาดกาแฟอย่างเต็มรูปแบบ

     ขณะที่นายศตวรรษ อาภาประเสริฐ เกษตรกรบ้านกองกาย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกของการสร้างรายได้จากผลผลิตกาแฟ จากเดิมที่เกษตรกรต่างคนต่างทำมาหากินไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนได้ร่วมมือจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบนพื้นที่แม่แจ่มตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้รู้สึกภูมิใจและสร้างคุณค่าแก่ตัวเองและครอบครัวที่ในพื้นที่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพซึ่งในอนาคตคาดหวังว่าพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบแห่งการเรียนรู้แก่ชุมชนรอบข้าง มีการสนันสนุนปลูกพืชมูลค่าสูงมากขึ้น เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

     ทั้งนี้ จากความท้าทายในการปรับเปลี่ยนวิถีการเกษตร วันนี้เกษตรกรบ้านกองกายสามารถสร้างโมเดลต้นแบบและมีอาชีพที่สร้างรายได้ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมถือเป็นหนึ่งโมเดลสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดพร้อมขยายองค์ความรู้และผลักดันชุนชนในพื้นที่ใกล้เคียงก้าวสู่การทำธุรกิจเพื่อสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป